สงคราม "อิสราเอล-ฮามาส" เดือด จ่อขยายวงในตะวันออกกลาง ส่งผลกระทบราคาน้ำมันพุ่ง-เงินไหลออกสินทรัพย์เสี่ยง กูรูชี้ต้องจับตาใกล้ชิด พร้อมเปิดทางเลือกลงทุนให้ปลอดภัย แนะนำ 27 หุ้นตัวท็อป พลังงานติดโผเพียบ ตามด้วยกลุ่มแบงก์ และหุ้นงบแกร่งปันผลดี 

*** จับตาสงคราม "อิสราเอล-ฮามาส" ขยายวง

บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ประเมินว่า สถานการณ์สงครามระหว่าง "อิสราเอล-ฮามาส" บนพื้นที่ "ฉนวนกาซา" มีโอกาสขยายวงกว้างในประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง ล่าสุดมีแนวโน้มขยายวงไปยัง "ซีเรีย" หลังมีรายงานว่า "อิสราเอล" ได้โจมตีสนามบินใน "ดามัสกัส" และ "อะเลปโป" เมื่อสัปดาห์ก่อน และกล่าวหา "อิหร่าน" กำลังพยายามเคลื่อนย้ายอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ไปยังหรือผ่าน "ซีเรีย" เพื่อเปิดแนวรบด้านเหนือ 

ขณะที่ "อิหร่าน" เตือน "อิสราเอล" ผ่านทาง สหประชาชาติ (UN) ให้หยุดปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินใน "ฉนวนกาซา" ที่กลุ่มติดอาวุธ "ฮามาส" ควบคุมอยู่ เนื่องจากมองว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของ "อิสราเอล" 

ทั้งนี้หากความไม่สงบข้างต้นขยายวงกว้างและยืดเยื้อยาวนาน จะส่งผลต่อภาพรวมการลงทุนทั่วโลก ที่สำคัญจะทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย "จาวาด อูชี" รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิหร่าน เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันอาจสูงทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล จากสถานการณ์ปัจจุบันในตะวันออกกลาง 

ด้าน บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า สงคราม "อิสราเอล-ฮามาส" ที่รุนแรงขึ้นและมีความเสี่ยงต่อการขยายวงออกไปในประเทศตะวันออกกลาง ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งกังวลว่าจะซ้ำรอย "รัสเซีย-ยูเครน" 

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจภาพรวมก็ยังไม่สู้ดีนัก ทั้งในส่วนของสหรัฐฯ ที่ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ออกมาสูงกว่าคาดเล็กน้อย ส่วนจีนเงินเฟ้อ ก.ย. อยู่ที่ 0% สะท้อนภาพการฟื้นตัวที่ล่าช้าของภาคเศรษฐกิจในประเทศ แต่การค้าระหว่างประเทศหดตัวลดลง ด้านยุโรปมีการประกาศตัวเลข Industrial Production ไม่เติบโต

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มองว่า จากนี้นักลงทุนจะให้น้ำหนักกับสถานการณ์ตะวันออกกลาง มากกว่าทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ (ที่รับรู้ไประดับหนึ่งแล้ว) ซึ่งจะมีผลต่อราคาน้ำมัน และ Fund Flow สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก

*** หุ้นบิ๊กพลังงานรับอานิสงส์น้ำมันพุ่ง

"อาทิตย์ จันทร์สว่าง" นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.กรุงศรี ระบุว่า สงครามในตะวันออกกลางที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแรงกว่า 6% แล้วในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจะเป็นบวกต่อกลุ่มหุ้นพลังงาน แนะนำ  PTTEP, BCP, SPRC และ TOP 

ส่วนบทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยังมีโอกาสยืนระดับสูงต่อ ถือว่าดีต่อตลาดหุ้นไทยที่อิงราคา Commodity ถึง 1 ใน 3 ของตลาด โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ คือ PTTEP, TOP และ PTT แนะนำทยอยซื้อสะสมเพื่อการลงทุนระยะกลาง-ยาว 

ขณะที่ บทวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ก็แนะนำ ทยอยเข้าสะสมหุ้นกลุ่มรับอานิสงส์ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากภาวะสงคราม ประกอบด้วย PTTEP, SPRC, BCP และ ESSO

เช่นเดียวกับ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ที่แนะนำ หาจังหวะซื้อเก็งกำไรหุ้น PTTEP

*** หุ้นงบเด่น-ปันผลดี ก็เป็นอีกทางเลือก

บทวิเคราะห์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า แม้กลยุทธ์ช่วงนี้นักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อหุ้นได้ แต่ยังคงต้องใช้ความระมัดระวังอยู่ โดยเน้นเลือกหุ้นที่ราคาลงมามากและผลประกอบการดีไว้ก่อน อาทิ TIDLOR, AAV, IVL, PSL , MTC และ SCB ขณะเดียวกัน ช่วงที่เหลือปีนี้ ตลาดหุ้นไทยก็ยังมีข้อจำกัดของการขึ้นอยู่ ดังนั้นหุ้นที่มีความเป็น Defensive คือ ปันผลดี + Cashflow สูง ยังควรมีในพอร์ตลงทุน แนะนำ PTT, SPALI และ DMT

ส่วน "อาทิตย์ จันทร์สว่าง" หุ้นอีกธีมที่น่าสนใจนอกจากกลุ่มพลังงานคือ กลุ่มที่คาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง แนะนำ ADVANC, BTS, BEM, CBG, SAPPE, ICHI, OSP, AMATA, TOP, SPRC, CENTEL, AOT และ HANA

ฝั่ง "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส แนะนำ กลุ่มหุ้นธนาคารพาณิชย์ โดยคาดว่าจะเห็นการเก็งกำไรกลุ่มนี้ เนื่องจากได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 2 ครั้งในช่วงไตรมาส 3/66 เป็น 2.5% หนุนรายได้จากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หุ้น Top Pick เลือก BBL รองลงมาคือ KBANK, SCB และ KTB

เช่นเดียวกับ บทวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ก็เชียร์หุ้นกลุ่มแบงก์ อาทิ BBL, KBANK,  SCB และ KTB เพราะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น 

รวมถึง บทวิเคราะห์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ระบุว่า  หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่กำลังจะประกาศงบการเงินไตรมาส 3/66 ระยะสั้นคาดว่าจะมีแรงเข้าเก็งกำไร จากผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง แนะนำ เก็งกำไร BBL และ KTB