หุ้นซื้อขายผิดปกติเปิดความเสี่ยงขาดทุนสูงขึ้นทำนลท.เริ่มขาดความเชื่อมั่น ด้านตลท.ออกโรงแจงมีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด พร้อมการติดตามผลเพื่อปรับเปลี่ยนมาตรการให้สอดรับสถานการณ์ แนะนลท.ติดตามข้อมูลจาก SET อย่างใกล้ชิด ช่วยจำกัดความเสี่ยงลดลง !
*** ยุคนี้เทรดหุ้นเก็งกำไรระยะสั้น แทบเป็นเรื่องปกติ
ตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบัน ถือว่ามีการซื้อขายแบบเก็งกำไรระยะสั้นค่อนข้างมาก ซึ่งถือว่าแทบจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว สาเหตุที่พฤติกรรมดังกล่าวกลายเป็นเรื่องแทบจะปกติสำหรับยุคนี้ และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประเมินว่า เกิดจากนักลงทุนหน้าใหม่ที่มีอายุน้อยลงเข้ามาในตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้มักชอบความรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม หากในตลาดหุ้นมีการเก็งกำไรที่สูงมากจนเกินไป โดยเกิดจากการมีสภาพการซื้อขายที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อมูลข่าวสาร หรือขาดปัจจัยพื้นฐานรองรับ ก็อาจกลายเป็นภาวะการซื้อขายที่ร้อนแรง และมีความอันตรายสำหรับนักลงทุนรายย่อยมากขึ้น
*** อย่าลืมตามข้อมูล ตลท.ประจำ จะช่วยลดความเสี่ยง
ขณะที่ ตลท.ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลการซื้อขายในตลาดหุ้นโดยตรงก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด โดย ตลท.ได้มีการเฝ้าดูพฤติกรรมของหุ้นที่มีแนวโน้มจะเกิดความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนรายย่อยอย่างใกล้ชิดทุกวัน พร้อมกับมีมาตรการควบคุมความเสี่ยง และประกาศแจ้งเตือนให้นักลงทุนได้รับทราบทุกวัน ดังนั้น หากนักลงทุนหมั่นติดตามข้อมูลดังกล่าวของ ตลท. อยู่เป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงของนักลงทุนให้ลดลงได้อย่างมีนัสำคัญ
*** ข้อมูลแรก คือ มาตรการกำกับซื้อขายหลักทรัพย์ฯ
สำหรับข้อมูลส่วนแรก ที่นักลงทุนควรติดตามอยู่เสมอ คือ มาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ ตลท.จะคัดหุ้นที่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าหุ้นตัวนั้นเริ่มมีการซื้อขายผิดปกติไปจากเดิม โดยไม่มีปัจจัยด้าน Fundamental สนับสนุนการเปลี่ยนแปลง
โดย ตลท.จะคัดเลือกหุ้นจากหลักเกณฑ์มีการเปลี่ยนแปลงของราคาหรือปริมาณซื้อขายอย่างมาก หรือมีการกระจุกตัวของผู้ซื้อขายหลักทรัพย์นั้นมาก, มีอัตราการหมุนเวียนการซื้อขายสูงผิดปกติ และ ไม่มีข่าวที่เกี่ยวข้องกับบริษัทซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น หรือไม่มีปัจจัยด้าน Fundamental สนับสนุน หรือไม่สอดคล้องกับสภาพโดยรวมของอุตสาหกรรมและตลาด
ซึ่งการคัดหุ้นเข้ามา ตลท. จะทำทุกวันเลย และจะมีการประกาศรายชื่อหุ้นที่เข้ามาตรการกำกับการซื้อขายให้นักลงทุนทราบทั้งแบบรายวัน และรายสัปดาห์ โดยนักลงทุนสามารถติดตามรายชื่อหุ้นที่เข้าข่ายได้ตามลิงค์นี้เลย https://shorturl.asia/Gxr5f
*** ข้อมูลต่อมา คือ การดำเนินมาตการของ ตลท.
เมื่อนักลงทุนเห็นรายชื่อของหุ้นที่เข้าข่ายการกำกับดูแลของ ตลท. จากส่วนแรกไปแล้ว ส่วนต่อมาที่นักลงทุนควรติดตามต่อ คือ การดำเนินมาตรการของ ตลท. เกี่ยวกับหุ้นตัวนั้น ๆ โดยการดำเนินมาตรการจะถุกไล่ระดับจากเบาไปหาหนัก ซึ่งมีมาตรการทั้งหมด 3 ระดับ ดังนี้
มาตรการระดับที่ 1 : ให้ซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวด้วยการวางเงินสดล่วงหน้าเต็มจานวนก่อนซื้อ (Cash Balance) และห้ามนำหลักทรัพย์ดังกล่าวมาคำนวณเป็นวงเงินซื้อขาย
มาตรการระดับที่ 2 : มาตรการระดับที่ 1 + คือ ห้ามหักกลบค่าซื้อและค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (ห้าม Net settlement)
มาตรการระดับที่ 3 : ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นเวลา 1 วันทำการ และเมื่อให้กลับมาซื้อขายได้ จะยังคงใช้มาตรการระดับที่ 2 ก่อน
ทั้งนี้ มาตรการแต่ละระดับมีระยะเวลาบังคับใช้ครั้งละ 3 สัปดาห์ โดย ตลท.สามารถพิจารณาขยาย หรือยกระดับมาตรการได้ หากพบว่าสภาพการซื้อขายหุ้นตัวนั้น ๆ ยังคงผิดปกติอยู่
*** ข้อมูลส่วนสุดท้าย คือ การติดตามประเมินผล
ต่อมา คือ ข้อมูลส่วนสุดท้ายที่นักลงทุนต้องติดตาม นั่นคือ การติดตามประเมินผลของตลท. โดยจะมีการติดตามสภาพการซื้อขายหุ้นที่ติดมาตรการกำกับการซื้อขายทั้งในระหว่างการดำเนินมาตรการ และภายหลังออกมาตรการต่อไปอีก 1 เดือน
โดย การประเมินผลระหว่างดำเนินมาตรการ จะเป็นการติดตามประเมินผลการบังคับใช้มาตรการว่าทำให้สภาพการซื้อขายหลักทรัพย์กลับมาเป็นปกติหรือไม่ หากยังคงพบความผิดปกติอยู่ อาจมีการขยายมาตรการระดับเดิมออกไปอีก 3 สัปดาห์ แต่หากพบความผิดปกติเพิ่มขึ้น อาจมีการยกระดับใช้มาตรการในระดับถัดไป จนกว่าการซื้อขายจะกลับมาอยู่ในสภาพปกติซึ่งจะทำให้หลักทรัพย์นั้นพ้นจากมาตรการกำกับการซื้อขาย
ส่วนต่อมา คือ การประเมินผลภายหลังมาตรการในช่วงเวลา 1 เดือน หลังพ้นจากมาตรการกำกับการซื้อขาย เป็นช่วงที่ยังคงมีการติดตามสภาพการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง โดยหากพบความผิดปกติในช่วงนี้ หลักทรัพย์ดังกล่าวจะถูกนำกลับเข้ามาในมาตรการ โดยอาจนำกลับเข้ามาในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับล่าสุดที่หุ้นดังกล่าวถูกใช้บังคับ หรือนำกลับเข้ามาในระดับมาตรการที่สูงขึ้นหากสภาพการซื้อขายมีระดับความผิดปกติเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ตลท. มีการทบทวนและปรับปรุงปัจจัยหลักการนำหุ้นเข้าสู่มาตรการกำกับการซื้อขายให้สอดคล้องกับสภาวะการซื้อขายที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน นักลงทุนเองก็ไม่ควรมองข้ามข้อมูลสำคัญดังกล่าว และควรติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่เสมอ เพราะเป็นอีกแหล่งข้อมูลที่ช่วยให้นักลงทุนตามสถานการณ์ตลาดหุ้นได้อย่างทันท่วงที และช่วยลดความเสี่ยงการลงทุนได้ดีกว่านักลงทุนที่ไม่สนใจข้อมูลเหล่านี้อีกด้วย