ปีนี้ มี 10 บจ.ขอเปลี่ยนชื่อบริษัท - ชื่อย่อหลักทรัพย์ ส่วนมากเป็นหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคฯ, สื่อฯ - อสังหาริมทรัพย์ฯ ส่วนใหญ่ 6 บริษัท เปลี่ยนชื่อรีแบรนด์ธุรกิจ อีก 4 บริษัทที่เหลือ เปลี่ยนชื่อหลังถูกเทคโอเวอร์ และแค่เปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์ อย่างละ 2 ราย 

"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ตั้งแต่ต้นปี (YTD) พบ 10 บริษัท แห่เปลี่ยนทั้งชื่อบริษัทใหม่ และชื่อย่อหลักทรัพย์ ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์ ต้องการรีแบรนด์องค์กร ประกอบด้วย 
 

10 บริษัทดังกล่าว เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 5 บริษัท เท่ากัน โดยกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคและบริโภค, สื่อและสิ่งพิมพ์ และ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง จำนวน 2 บริษัท เท่ากัน 

***  6 บริษัท เปลี่ยนชื่อรีแบรนด์ธุรกิจ
 

โดยปีนี้ บริษัทที่เปลี่ยนชื่อส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์รีแบรนด์ธุรกิจ ประกอบด้วย บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป  (NMG) เปลี่ยนชื่อเป็น บมจ. เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) หรือ NATION มีผลตั้งแต่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้สอดรับกับการปรับโครงสร้างธุรกิจตามนโยบาย "One Nation" คือ การผนึกกำลัง และการสร้าง Synergy ทางธุรกิจระหว่างกลุ่มสื่อทั้ง 8 ในเครือเนชั่น กรุ๊ป 

บมจ.โอเชี่ยน คอมเมิรช (OCEAN) เปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ (ALPHAX) ตั้งแต่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้สอดคล้องกับ 3 ธุรกิจหลักที่บริษัทต้องการมุ่งเน้น ประกอบด้วย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, กัญชง - กัญชา และ FinTech โดย ALPHAX มีมูลค่าโครงการอสังหาฯมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท ที่จะสามารถรับรู้เป็นรายได้ไปจนถึงปี 69 เป็นอย่างน้อย

ขณะที่ ธุรกิจกัญชง - กัญชา ถือเป็นผู้เล่นรายแรก ๆ ที่เข้าไปสู่ตลาดเกิดใหม่ เพื่อหวังชิงความได้เปรียบทางการแข่งขึ้น ส่วนธุรกิจ FinTech ได้มีการลงทุนเข้าซื้อ Leasing จาก สปป.ลาว อย่าง "มะหะทุน (MAHATHUEN)" โดยมีวัตุประสงค์เพื่อช่วยผลักดันรายได้ และการเติบโตให้กับบริษัท 

ด้าน บมจ.จุฑานาวี (JUTHA) เปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.ไบโอ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค (BIOTEC) ตั้งแต่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้สอดคล้องกับการทำธุรกิจใหม่เพิ่มเติม อย่างการผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม จากเดิมที่เน้นธุรกิจพาณิชย์นาวีเป็นหลัก  โดยวัตถุประสงค์การทำธุรกิจที่สำคัญเพิ่มขึ้นมา ได้แก่ การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง และผลิตภัณฑ์ด้านพลังงาน รวมถึงไบโอดีเซล

ฟาก บมจ.ทีวี ไดเร็ค (TVD) เปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.ทีวีดี โฮลดิ้งส์ (TVDH) มีผลตั้งแต่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้เป็นไปตามแผนธุรกิจที่จะปรับโครงสร้างภายในและทรานส์ฟอร์มบริษัท เป็น Super Holdings รองรับการขยายธุรกิจหลากหลายเพื่อรับมือดิสรัปชัน ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ และนำบริษัทกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต

ส่วน บมจ.เงินทุน ศรีสวัสดิ์ (BFIT) เปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 (SCAP) มีผลตั้งแต่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อมุ่งประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีประวัติและความมั่นคงทางการเงิน และสินเชื่อเช่าซื้อเต็มรูปแบบโดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่มุ่งเน้นลูกค้าที่ต้องการซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ 
 

*** 2 บจ.เปลี่ยนชื่อหลังถูกเทคโอเวอร์
 

ขณะที่ มีอีก 2 บริษัท ที่ปีนี้เปลี่ยนชื่อหลังถูกซื้อกิจการ ประกอบด้วย บมจ.เจ เอส. พี. พร็อพเพอร์ตี้ (JSP) เปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.เสนา เจ พร็อพเพอร์ตี้ (SENAJ) มีผลตั้งแต่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังถูก บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เข้าซื้อกิจการ จนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 35.35% หวังขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ - ปริมณฑล และต่างจังหวัด ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกระดับราคา

ด้าน บมจ.ทีบีเอสพี (TBSP) เปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.พลัส เทค อินโนเวชั่น (PTECH) ตั้งแต่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังถูกบมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) เข้าซื้อกิจการ จนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 73.54% หลังจากนั้น ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ ด้วยการเพิ่มธุรกิจตู้จำหน่ายเครื่องดื่ม และสินค้าอัตโนมัติเข้ามา จากเดิมมีธุรกิจหลัก แค่ ผลิตบัตรพลาสติกและบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล เท่านั้น

*** พบอีก 2 บจ. เปลี่ยนแค่ชื่อย่อหลักทรัพย์
 

นอกจากนี้ มีอีก 2 บริษัท ที่ปีนี้ขอเปลี่ยนแปลงชื่อย่อหลักทรัพย์ แต่ยังคงชื่อบริษัทตามเดิม ประกอบด้วย บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) ที่ขอเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์จาก JP เป็น JSP มีผลตั้งแต่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา 

ปิดท้ายด้วย บมจ.เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ เปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์จาก S & J เป็น S&J มีผลตั้งแต่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา