SET ช่วง 1 วีคหลัง ดิ่งถึง 73.41 จุด หรือ 4.49% ทำนิวโลว์รอบ 1 ปี กดผลตอบแทนหุ้น SET100 ติดลบเฉลี่ย 4.17% ขณะที่ 30 หุ้น SET100 ดิ่งแรงสุด ผลตอบแทนติดลบเฉลี่ย 5.24% หุ้นพลังงาน - นอนแบงก์ติดโผเพียบ พบ GLOBAL ดิ่งแรงสุด 9.13% ฟาก SYNEX อัพไซด์สูงสุด 63.46% วงการแนะสะสมหุ้นเปิดเมือง ก่อนประกาศโควิดเป็นโรคประจำถิ่น 1 ก.ค.นี้
*** SET ดิ่งทำนิวโลว์รอบ 1 ปี รับเงินเฟ้อพุ่งแรง
ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา (13 - 20 มิ.ย.65) ปรับตัวลงถึง 73.41 จุด หรือ 4.49% โดยในช่วงดังกล่าว ดัชนีหุ้นไทย ปรับตัวลงลึกสุดที่ระดับ 1,544.26 จุด ทำสถิติต่ำสุดใหม่ (นิวโลว์) ในรอบ 1 ปี
สำหรับ สาเหตุหลักที่ทำให้ SET Index ปรับตัวลงถึง 73.41 จุด ภายใน 1 สัปดาห์ เนื่องจากได้รับปัจจัยลบ จากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลก ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอัตราเร่ง กดดันให้สภาพคล่องส่วนเกินในตลาดทุนลดลง
*** หุ้น SET100 ผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ 4.17%
ทั้งนี้ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจการเคลื่อนไหวราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่อยู่ในดัชนี SET100 พบว่าในช่วงดังกล่าว บจ. SET100 มีผลตอบแทนราคาหุ้นติดลบเฉลี่ย 4.17% โดยมีถึง 88 บริษัท ที่ผลตอบแทนราคาหุ้นติดลบ ขณะที่ 30 บจ. ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงสุดประกอบด้วย
30 หุ้น SET100 ดิ่ง 1 วีกหลัง - ถ่างอัพไซด์เปิดกว้าง
|
ชื่อย่อหุ้น
|
ราคาปิดล่าสุด (บ.)
|
%chg 1 W
|
ราคาเหมาะสม (บ.)*
|
%อัพไซด์**
|
GLOBAL
|
18.9
|
-9.13
|
20 - 30
|
5.82 - 58.73
|
PTT
|
33.25
|
-8.90
|
42 - 42.5
|
26.32 - 27.82
|
ESSO
|
10.8
|
-8.47
|
12 - 16
|
11.11 - 48.15
|
PTTEP
|
158.5
|
-8.38
|
160 - 196
|
0.96 - 23.66
|
IRPC
|
3.12
|
-8.24
|
3.55 - 3.6
|
12.18 - 15.38
|
SPRC
|
11.6
|
-7.94
|
13.1 - 15.5
|
12.93 - 33.62
|
TOP
|
49.5
|
-7.48
|
57 - 77
|
15.15 - 55.56
|
BCP
|
29.5
|
-7.09
|
36.1 - 39
|
22.37 - 32.2
|
DOHOME
|
16.6
|
-6.21
|
19.17 - 22
|
15.48 - 32.53
|
BEC
|
14.3
|
-5.92
|
18.5 - 19.5
|
29.37 - 36.36
|
SCGP
|
52.25
|
-5.86
|
56 - 57
|
7.18 - 9.09
|
SIRI
|
1.01
|
-5.61
|
1.1 - 1.12
|
8.91 - 10.89
|
TIDLOR
|
30
|
-5.51
|
41.5 - 42
|
38.33 - 40
|
KKP
|
63.25
|
-4.89
|
78 - 81
|
23.32 - 28.06
|
SCB
|
103
|
-4.63
|
154 - 167
|
49.51 - 62.14
|
BPP
|
14.6
|
-4.58
|
17.5 - 19
|
19.86 - 30.14
|
STARK
|
4.34
|
-4.41
|
6.5
|
49.77
|
MTC
|
43.5
|
-4.40
|
63 - 71
|
44.83 - 63.22
|
SYNEX
|
18.2
|
-4.21
|
27.25 - 29.75
|
49.73 - 63.46
|
SAWAD
|
48.5
|
-3.96
|
64 - 65
|
31.03 - 34.02
|
KTC
|
57.5
|
-3.77
|
66 - 75
|
14.78 - 30.43
|
IVL
|
47.75
|
-3.54
|
61 - 70
|
27.75 - 46.6
|
HANA
|
41.25
|
-3.51
|
40 - 62
|
(-3.03) - 50.30
|
BAM
|
17.6
|
-3.30
|
24.1 - 27
|
36.93 - 53.41
|
AMATA
|
18.7
|
-3.11
|
23.5 - 25
|
25.67 - 33.69
|
AEONTS
|
172.5
|
-3.09
|
200 - 260
|
15.94 - 50.72
|
MINT
|
33.5
|
-2.90
|
40 - 42
|
19.40 - 25.37
|
EA
|
83.75
|
-2.90
|
80 - 115
|
(-4.48) - 37.31
|
PTTGC
|
44
|
-2.76
|
49.8 - 58
|
13.18 - 31.82
|
BCH
|
18.2
|
-2.67
|
23.7 - 26
|
30.02 - 42.86
|
*ราคาเหมาะสมสูงสุด – ต่ำสุด จาก IAA Consensus ตั้งแต่เดือน มิ.ย.65
**อัพไซด์เทียบราคาปิด 20 มิ.ย.65
|
30 บจ.ดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ถึง 15 บริษัท รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจเงินทุน และหลักทรัพย์ที่ติดโผจำนวน 6 บริษัท ซึ่งหากนับเฉพาะ 30 บจ.ดังกล่าว พบว่า ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผลตอบแทนราคาหุ้นกลุ่มนี้ ติดลบเฉลี่ย 5.24%
*** GLOBAL ดิ่งแรงสุด 9.13% ช่วง 1 วีคหลัง
บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) เป็นบริษัทที่ราคาหุ้นช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลงมากที่สุด 9.13% ขณะที่ เมื่อสำรวจราคาเหมาะสมต่ำสุด - สูงสุด จาก IAA Consensus ตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย.65 พบว่า GLOBAL มีอัพไซด์ระหว่าง 5.82 - 58.73%
รองลงมา คือ บมจ.ปตท. (PTT) ที่ราคาหุ้นปรับตัวลง 8.9% ขณะที่ เมื่อสำรวจราคาเหมาะสมต่ำสุด - สูงสุด จาก IAA Consensus ตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย.65 พบว่า PTT มีอัพไซด์ระหว่าง 26.32 - 27.82%
*** พบอีก 11 หุ้น ดิ่งแรงกว่า 5% ช่วง 1 วีคหลัง
นอกจากนี้ ยังมีอีกถึง 11 บริษัท ที่ราคาหุ้นช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลงมากกว่า 5% ประกอบด้วย บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) ราคาหุ้นปรับตัวลง 8.47%, บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ราคาหุ้นปรับตัวลง 8.38%, บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ราคาหุ้นปรับตัวลง 8.24%
ด้าน บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ราคาหุ้นปรับตัวลง 7.94%, บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ราคาหุ้นปรับตัวลง 7.48%, บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ราคาหุ้นปรับตัวลง 7.09%, บมจ.ดูโฮม (DOHOME) ราคาหุ้นปรับตัวลง 6.21%, บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) ราคาหุ้นปรับตัวลง 5.92%
ส่วน บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCPG) ราคาหุ้นปรับตัวลง 5.86%, บมจ.แสนสิริ (SIRI) ราคาหุ้นปรับตัวลง 5.61% และ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ราคาหุ้นปรับตัวลง 5.51%
*** SYNEX อัพไซด์กว้างสุด 49.73 - 63.46%
ขณะที่ บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) (SYNEX) เป็นบริษัทที่ราคาหุ้นซื้อ - ขาย ปัจจุบัน มีอัพไซด์สูงสุดถึง 49.73 - 63.46% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมจาก IAA Consensus โดยราคาหุ้น SYNEX ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลง 4.21%
รองลงมา คือ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ที่ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน มีอัพไซด์ระหว่าง 44.83 - 63.22% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมจาก IAA Consensus โดยราคาหุ้น MTC ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลง 4.40%
*** พบอีก 6 บจ. ราคาหุ้นมีอัพไซด์เกิน 50%
ขณะที่ มีอีก 6 บริษัท ที่ราคาหุ้นซื้อ - ขาย ณ ปัจจุบัน มีอัพไซด์มากกว่า 50% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมจาก IAA Consensus ประกอบด้วย บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ที่ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 49.51 - 62.14%, บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 5.82 - 58.73%
ฟาก บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 15.15 - 55.56%, บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 36.93 - 53.41%, บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS) ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 15.94 - 50.72% และ บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) ราคาหุ้นมีอัพไซด์ (-3.03) - 50.30%
*** กูรูชี้ถึงเวลาสะสมหุ้นเปิดเมือง - พื้นฐานแกร่ง
"กรภัทร วรเชษฐ์" ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า หุ้น SET100 ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าสะสมของนักลงทุน เนื่องจากในระยะถัดไป หุ้นดังกล่าวยังมีโอกาสรีบาวด์ขึ้นได้ จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และ ยังเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างประเทศ (Fund Flow) รวมถึงกองทุนต่างๆ
อย่างไรก็ตาม แม้วันนี้จะเริ่มเห็นการรีบาวด์ขึ้นบ้างก็ตาม แต่ระยะถัดไป หุ้น SET100 ยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนต่อเนื่อง หลังธนาคารกลางสหรัฐฯยังคงท่าทีปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอัตราเร่ง ดังนั้น การเข้าลงทุน จึงต้องเลือกหุ้นเป็นรายตัว ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยมองว่า จังหวะเข้าซื้อที่ดี คือ รอช่วงดัชนีย่อตัวลงบริเวณ 1,550 จุดอีกครั้ง
ส่วน "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. เอเซียพลัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หุ้นในกลุ่ม SET100 ที่มีความน่าสนใจเข้าสะสมในช่วงนี้ ยังเป็นหุ้นที่ได้รับอานสิงส์จากการเปิดเมืองที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง เนื่องจากผลการดำเนินงาน มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่ 1 ก.ค.65 หลังรัฐบาลประกาศโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น
ทั้งนี้ มองว่า จังหวะเข้าซื้อที่เหมาะสม คือ ช่วงที่ดัชนี ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 1,570 จุด โดย แนะนำ หุ้นในกลุ่มขนส่งโลจิสติกส์, สื่อและสิ่งพิมพ์, และ โรงพยาบาลที่มีรายได้หลักจากผู้ป่วยต่างประเทศ เนื่องจากหุ้น 3 กลุ่มดังกล่าว จะได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบสูงสุด