เปิดโผ 14 หุ้นซิ่งวิ่งสูงสุดทะลุ 1,000% ในรอบ 3 ปี แรงสุดถึง 58,135% ธุรกิจเงินทุน/หลักทรัพย์ติดโผสูงสุด พบ 10 บจ.ทำนิวไฮปีนี้ กูรูชี้หลายรายมีแรงเก็งกำไรรับข่าวปรับโครงสร้างธุรกิจ/ผู้ถือหุ้น แถมส่วนใหญ่งบฟื้น แต่แนะศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ เหตุหลาย บจ.พุ่งแบบไร้ที่มา+งบยังแย่ จับตาราคาหุ้นเริ่มแผ่ว เทียบราคาล่าสุดกับราคาไฮดิ่งทุกตัวตั้งแต่ 6 - 84%
 

*** พบ 14 หุ้นพุ่งสูงสุด 1,031 - 58,135%

"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ตั้งแต่ต้นปีปี 63 - 24 ส.ค.65 พบว่ามี 14 บริษัทที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดมากกว่า 1,000% สูงสุด 58,135% ประกอบด้วย
 

14 หุ้นดังกล่าวจดเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 10 บริษัท และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 4 บริษัท โดยหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ติดโผสูงสุด 3 บริษัท ที่เหลือกระจายอยู่ในหลายหมวดธุรกิจ

ขณะที่มีถึง 6 บริษัทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 2,000% ในช่วง 3 ปีหลัง โดย บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีหลัง โดยราคาปิดสิ้นปี 62 อยู่ที่ 1.02 บาท โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดตลอดกาล (All time High) ถึง 594 บาท ช่วง เม.ย.ที่ผ่านมา คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นระดับ 58,135% รองลงมาคือ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บียอนด์ (BYD) ราคาปิดสิ้นปี 62 อยู่ที่ 0.35 บาท (ปรับราคาตามพาร์ที่เปลี่ยนจาก 1 บาท เป็น 5 บาทแล้ว) โดยขึ้นไปสูงสุด 15.4 บาท ช่วง เม.ย.ที่ผ่านมาเช่นกัน คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 4,300% 

ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ราคาหุ้นขึ้นทำจุดสูงสุดในปีนี้ มีเพียง บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ที่ทำจุดสูงสุดเมื่อปี 63 และ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG), บมจ.อกริเพียว โฮลดิ้งส์ (APURE) และ บมจ.อาร์ ซี แอล (RCL) ทำจุดสูงสุดในปี 64
 

*** ส่วนใหญ่งบฟื้น แต่บางรายยังแย่
 

สำหรับสาเหตุการปรับตัวขึ้นแรงของหุ้นกลุ่มนี้นักวิเคราะห์คาดว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากหลายบริษัทมีข่าวการปรับโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างการถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงบางบริษัทผลประกอบการฟื้นตัว แต่ไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่มีผลต่อราคาหุ้นโดยตรง เพราะบางบริษัทก็ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ว่ายังไม่มีนัยการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในบริษัท รวมถึงบางบริษัทผลประกอบการก็ยังไม่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

ทั้งนี้ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจงบการเงินหุ้นกลุ่มนี้พบว่ามีเพียง บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) ที่กำไรสุทธิดีขึ้นตลอด 3 ปีหลัง โดยปี 63 กำไรเติบโต 619% จากช่วงเดียวกันปีก่อน, ปี 64 กำไรเติบโต 400% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และครึ่งแรกปีนี้กำไรเติบโต 175% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
 

ส่วนบริษัทอื่น ส่วนใหญ่กำไรดีขึ้น ณ สิ้นงวดปี 64 หลายบริษัท กำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อนหน้า, หลายบริษัทพลิกกำไรจากปีก่อนหน้าที่ขาดทุน, และบางบริษัทขาดทุนลดลง

ขณะที่ล่าสุด ณ งบครึ่งแรกปี 65 พบว่ามี 4 บริษัทกำไรเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนระดับ 106 - 256% และมี 4 บริษัทพลิกกำไรจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน รวมถึงมี 1 บริษัทที่ขาดทุนลดลง

อย่างไรก็ตามพบว่ามี 2 บริษัทที่กำไรครึ่งแรกปี 65 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะเดียวกันมี 4 บริษัทที่ยังขาดทุน โดยแบ่งเป็น 2 บริษัทที่พลิกขาดทุนจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร และ 1 บริษัทขาดทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนอีกหนึ่งบริษัทแม้จะขาดทุนลดลงแต่ก็ยังถือว่าขาดทุน
 

*** จับตาราคาหุ้นเริ่มแผ่ว แดงเถือกทุกตัวเมื่อเทียบราคาไฮ
 

นอกจากนี้เมื่อสำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้นล่าสุดพบว่าทั้ง 14 บริษัทราคาปรับตัวลดลงจากราคาสูงสุด ซึ่งมีถึง 10 บริษัทที่ราคาหุ้นทำไฮปีนี้ แม้ 8 บริษัทผลตอบแทนราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีจะยังเป็นบวก (คำนวณถึง 24 ส.ค.65) แต่เมื่อเทียบราคาสูงสุดติดลบตั้งแต่ 6 - 84% ดังนี้
 

ทั้งนี้มีถึง 7 บริษัทที่ราคาล่าสุดลดลงมากกว่า 50% จากราคาสูงสุด โดย บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) และ บมจ.ซิก้า อินโนเวชั่น (ZIGA) ราคาลดลงมาสุด 84% และ 82% ตามลำดับ

ขณะที่เมื่อดูผลตอบแทนราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีพบว่ามี 6 บริษัทที่ราคาติดลบตั้งแต่ 6 - 43% โดย บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) ราคาติดลบสูงสุด 43%