ส่อง 19 บจ. กำไร Q3/65 จ่อโตทั้ง YoY - QoQ

พบ 19 บจ. กำไร Q3/65 จ่อโตทั้ง YoY - QoQ ส่วนใหญ่เป็นหุ้น SET100 กลุ่มอาหารติดโผเพียบ พบ "NSL" - "SNNP" กำไรจ่อโต YoY มากกว่า 100% ส่วน "SMT" ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน มีอัพไซด์สูงสุดถึง 57.28%  

"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จาก IAA Consensus ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา พบ 19 บริษัท ถูกนักวิเคราะห์คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 3/65 มีแนวโน้มเติบโตทั้งเทียบปีก่อน (YoY) และไตรมาสก่อน (QoQ) ประกอบด้วย
 

19 บจ.ดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในดัชนี SET100 จำนวน 11 บริษัท โดยกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มติดโผมากสุด จำนวน 4 บริษัท รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และเงินทุนและหลักทรัพย์ ที่ติดโผจำนวน 3 บริษัท เท่ากัน 

*** "NSL" - "SNNP" กำไรจ่อโต YoY เกิน 100%
 

บมจ.เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ (NSL) เป็นบริษัทที่ถูกนักวิเคราะห์คาดหมายว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/65 จะเติบโตจากปีก่อนสูงสุดถึง 249% หลังถูกคาดกำไรไตรมาสนี้ไว้ที่ 84 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิระดับดังกล่าว ยังถือเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) รายไตรมาสของ NSL อีกด้วย 

โดยปัจจัยหนุนการเติบโตของ NSL คือ รายได้ที่มีแนวโน้มฟื้นตัว 61% จากปีก่อน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยคาดรายได้ไตรมาสดังกล่าว จะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 1 พันล้านบาท (ทำนิวไฮ) หนุนด้วยปริมาณการขายที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีการปรับราคาขายขึ้นเพื่อประครองอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับปกติ จากการปรับขึ้นของต้นทุน

รองลงมาคือ บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) ที่ถูกคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ไว้ที่ 140 ล้านบาท เติบโตขึ้น 128% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 21% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรสุทธิระดับดังกล่าว ยังถือเป็นการทำสถิติกำไรสุทธิรายไตรมาส สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทอีกด้วย

ปัจจัยหนุนที่สำคัญ คือ รายได้รวมมีแนวโน้มทำนิวไฮ เติบโตขึ้น 48% จากปีก่อน จากฐานต่ำเพราะผลกระทบจากการล็อกดาวน์ อีกทั้งไตรมาสนี้ SNNP มีการออกสินค้าใหม่ ส่งผลให้รายได้่ในประเทศเติบโตขึ้น 33% จากปีก่อน ขณะที่รายได้ต่างประเทศเติบโตขึ้น 109% จากปีก่อน หลังรายได้จากกลุ่มประเทศ CLMV ฟื้นตัวตามการคลายล็อกดาวน์
 

*** พบอีก 4 บจ. กำไร Q3/65 จ่อโต YoY เกิน 40%
 

ขณะที่ มีอีก 4 บริษัท ที่ถูกคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/65 มีแนวโน้มเติบโตจากปีก่อนมากกว่า 40% ประกอบด้วย บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) ที่ถูกคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 1.52 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 75% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน เพราะได้อานิสงส์จากฐานกำไรปีก่อนต่ำ จากการถูกโควิด-19 กระทบ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 3/65 เป็นช่วงที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้อัตราการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ HMPRO พลิกกลับมาเป็นบวกทุก Format โดยเฉพาะร้านโฮมโปร (86% ของยอดขายทั้งหมด) คาด SSSG เติบโต 16 - 18% (ไตรมาสก่อนติดลบ 1.1%) ส่วน SSSG เมกะโฮม (12 - 13% ของยอดขายทั้งหมด) จะเติบโต 6 - 8% (ไตรมาสก่อนติดลบ 5%)

ฟาก บมจ.สหมิตรถังแก๊ส (SMPC) ถูกคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ไว้ที่ 251 ล้านบาท เติบโตขึ้น 51% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน มีปัจัยหนุนจากเงินบาทอ่อนค่า 10% จากปีก่อน และ 6% จากไตรมาสก่อน โดยรายได้ 90% ของบริษัทมาจากการส่งออก อีกทั้งความต้องการถังแก๊สในสหรัฐฯ และทวีปแอฟริกา (ตลาดหลัก) ยังแข็งแกร่ง

ด้าน บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) (SMT) ถูกคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ไว้ที่ 75 - 83 ล้านบาท เติบโตขึ้น 32 - 47% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 5 - 17% จากไตรมาสก่อน มีปัจจัยหนุนจากรายได้รวมที่เติบโตขึ้น 48% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 16% จากไตรมาสก่อน ตามยอดขายกลุ่ม PCBA และ Fiber optics เพิ่มขึ้น อีกทั้ง Gross Margin จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 22.5% หลังเงินบาทอ่อนค่า

ส่วน บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) ถูกคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ไว้ที่ 1.6 - 1.9 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 46 - 47% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 2 - 3% จากไตรมาสก่อน มีปัจจัยหนุนจากสินเชื่อที่ขยายตัว 10% จากปีก่อน และ 1% จากไตรมาสก่อน โดยเฉพาะสินเชื่อบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน และ 3% จากไตรมาสก่อน ตามการใช้จ่ายผ่านบัตรสูงขึ้น

นอกจากนี้ Non-Nii ยังมีแนวโน้มขยายตัว 21% จากปีก่อน และ 3% จากไตรมาสก่อน จากรายได้ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินบัตรเครดิตที่สูงขึ้นตามการใช้จ่าย และรายได้หนี้สุญรับคืนที่ดีขึ้น 20% จากปีก่อน และ 4% จากไตรมาสก่อน ตามการติดตามหนี้ที่ดีขึ้น และ Credit cost ลดลงเป็น 422 bps หนุนโดย NPL ที่ลดลงเป็น 3.4% (ปีก่อน 3.8%)
 

*** พบ "SMT" มีอัพไซด์สูงสุดถึง 57.28%
 

ทั้งนี้ บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) (SMT) เป็นบริษัทที่ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน มีอัพไซด์สูงสุดระหว่าง 54.93 - 57.28% รองลงมา คือ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ที่ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน มีอัพไซด์ระหว่าง 29.19 - 57.14%

ขณะที่ มีอีก 9 บริษัท ที่ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน มีอัพไซด์มากกว่า 30% ประกอบด้วย บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 55.88%, บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 45.95%, บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) ราคาหุ้นมีอัพไซด์ระหว่าง 25.83 - 45.70%

ส่วน บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ราคาหุ้นมีอัพไซด์ระหว่าง 26.32 - 37.80%, บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 36.84%, บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) ราคาหุ้นมีอัพไซด์ระหว่าง 22.73 - 36.36%, บมจ.หาดทิพย์ (HTC) ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 34.48%, บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 33.89% และ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ราคาหุ้นมีอัพไซด์ระหว่าง 14.13 - 33.15%