ไอพีโอปี 65 ผลงานฝืด ล่าสุดต่ำจองแล้วถึง 10 จาก 18 บริษัท ติดลบ 2 - 31 % แถมหากเทียบราคาเปิดวันแรกเกินครึ่งผลตอบแทนดิ่ง 20 - 54% กูรูชี้ขายแพง-เข้าเทรดผิดจังหวะ-ตลาดไม่เอื้อ แนะตัวต่อไปให้ประเมินมูลค่าอย่างรอบคอบก่อนเข้าลงทุน เพราะสุดท้ายราคาจะวิ่งกลับหาพื้นฐานเสมอ
*** ไอพีโอปีนี้จืด ต่ำจอง 10 จาก 18 บจ. ราคาติดลบ 2 - 31%
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจข้อมูลหุ้นไอพีโอที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ตั้งแต่ต้นปีถึง 31 ส.ค.65 พบว่า มีหุ้นเข้าใหม่รวม 18 บริษัท มูลค่าระดมทุนรวม 2.7 หมื่นล้านบาท, มูลค่าเสนอขายรวม 5.1 หมื่นล้านบาท และ มูลค่าการหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ รวม 2.33 แสนล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อเทียบราคาไอพีโอกับราคาล่าสุด (31 ส.ค.65) พบว่ามีถึง 10 บริษัทที่ราคาปัจจุบันต่ำกว่าราคาจองซื้อ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนราคาหุ้นติดลบระดับ 2.40 - 30.95% ดังนี้
10 หุ้นไอพีโอปี 65 รูดต่ำจอง 2.4 – 30.95%
|
ชื่อย่อหุ้น
|
ราคาไอพีโอ (บ.)
|
วันเข้าเทรด
|
ราคาปิด 31 ส.ค. (บ.)
|
%chg
|
BBGI
|
10.5
|
17 มี.ค.
|
7.25
|
-30.95
|
CIVIL
|
4.6
|
27 ม.ค.
|
3.4
|
-26.09
|
STP
|
18
|
14 มิ.ย.
|
14.8
|
-17.78
|
BLESS
|
1.4
|
7 ก.ค.
|
1.17
|
-16.43
|
PTC
|
3.5
|
15 ก.พ.
|
3.06
|
-12.57
|
YONG
|
2.5
|
2 ส.ค.
|
2.2
|
-12.00
|
CHIC
|
0.9
|
27 ก.ค.
|
0.81
|
-10.00
|
TEKA
|
4.6
|
15 มิ.ย.
|
4.16
|
-9.57
|
TGE
|
2
|
19 ส.ค.
|
1.82
|
-9.00
|
FTI
|
2.5
|
19 พ.ค.
|
2.44
|
-2.40
|
“สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” รวบรวมข้อมูล ณ 31 ส.ค.65
|
7 ใน 10 บริษัทข้างต้นราคาหุ้นล่าสุดลดลงจากราคาไอพีโอมากกว่า 10% โดย บมจ.บีบีจีไอ (BBGI) ลดลงสูงสุด 30.95% ซึ่งราคาหุ้น ณ 31 ส.ค.65 อยู่ที่ 7.25 บาท แต่ราคาไอพีโออยู่ที่ 10.50 บาท, รองลงมาคือ บมจ.ซีวิลเอนจีเนียริง (CIVIL) ขายไอพีโอ 4.60 บาท แต่ราคาปิด 31 ส.ค.65 อยู่ที่ 3.40 บาท ลดลง 26.09%
*** ผงะ ! เทียบราคาเปิดวันแรกกับล่าสุดติดลบถึง 14 บจ. สูงสุด 54%
ขณะที่หากเทียบกับราคาปิดล่าสุดกับราคาเปิดการซื้่อขายวันแรก ซึ่งเป็นวันที่นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าซื้อหุ้นได้ พบว่า มีถึง 14 บริษัทที่ราคาติดลบตั้งแต่ 0.91 - 54.37% ดังนี้
ผลตอบแทนราคาหุ้นไอพีโอปี 65
|
ชื่อย่อหุ้น
|
ราคาไอพีโอ (บ.)
|
ราคาเปิดวันแรก (บ.)
|
%chg
|
ราคาปิด 31 .ส.ค. (บ.)
|
%chg
|
PTC
|
3.5
|
6.75
|
92.86
|
3.08
|
-54.37
|
YONG
|
2.5
|
4.5
|
80.00
|
2.2
|
-51.11
|
FTI
|
2.5
|
4
|
60.00
|
2.34
|
-41.50
|
TEKA
|
4.6
|
6.6
|
43.48
|
4.06
|
-38.48
|
CIVIL
|
4.6
|
5.25
|
14.13
|
3.4
|
-35.24
|
BBGI
|
10.5
|
10.1
|
-3.81
|
7.4
|
-26.73
|
BLESS
|
1.4
|
1.56
|
11.43
|
1.15
|
-26.28
|
CEYE
|
3.86
|
6.5
|
68.39
|
4.94
|
-24.00
|
STP
|
18
|
20
|
11.11
|
15.3
|
-23.50
|
PEACE
|
3.98
|
5.5
|
38.19
|
4.24
|
-22.91
|
TKC
|
18
|
27
|
50.00
|
22.7
|
-15.93
|
CHIC
|
0.9
|
0.93
|
3.33
|
0.8
|
-13.98
|
TGE
|
2
|
1.91
|
-4.50
|
1.84
|
-3.66
|
BIS
|
6
|
11
|
83.33
|
10.9
|
-0.91
|
TLI
|
16
|
16
|
0.00
|
16
|
0.00
|
PLUS
|
4.5
|
8
|
77.78
|
8.1
|
1.25
|
JDF
|
2.6
|
3.2
|
23.08
|
3.42
|
6.87
|
KCC
|
3.7
|
6.2
|
67.57
|
7.7
|
24.19
|
“สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” รวบรวมข้อมูล ณ 31 ส.ค.65
|
ทั้งนี้มีถึง 10 บริษัทที่ราคาล่าสุดลดลงจากราคาเปิดวันแรกมากกว่า 20% โดย บมจ.พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น (PTC) ราคาลดลงสูงสุดถึง 54.37% จากราคาเปิดวันแรกที่ 6.75 บาท ล่าสุดเหลือเพียง 3.08 บาท รองลงมาคือ บมจ.ยงคอนกรีต (YONG) ที่เปิดเทรดวันแรก 4.5 บาท แต่ล่าสุดเหลือ 2.2 บาท ลดลง 51.11%
อย่างไรก็ตามหากประเมินผลตอบแทนจากราคาเสนอขายไอพีโอกับราคาเปิดวันแรก พบว่ามีถึง 15 บริษัทที่ผลตอบแทนเป็นบวก ระดับ 3.33 - 92.86% แต่ผลตอบแทนดังกล่าวจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นไอพีโอและขายเปิดวันแรกเท่านั้น
*** กูรูชี้ขายแพง-ผิดจังหวะ-ตลาดฯ ไม่เอื้อ
"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส มองว่า สาเหตุที่ทำให้หุ้นไอพีโอปีนี้ราคาปรับตัวลดลงจนต่ำกว่าราคาจองซื้อเกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1.ภาวะตลาดหุ้นปีนี้ไม่ดี สะท้อนจากผลตอบแทนดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ตั้งแต่ต้นปี ที่ยังติดลบอยู่ราว 1% ซึ่งกดดันราคาหุ้นไอพีโอด้วย และ 2.หุ้นไอพีโอปีนี้ตั้งราคาขายค่อนข้างแพง สะท้อนจากอัตราส่วน P/E ที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่อัตราการเติบโตในระยะยาวกลับไม่โดดเด่น จึงทำให้ราคาหุ้นส่วนใหญ่ไม่สามารถ Outperform ได้เหมือนปีก่อนๆ
ด้าน "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า เพิ่มเติมว่า นอกจากตลาดหุ้นไทยผันผวนกดดันภาพรวมหุ้นไอพีโอแล้ว ส่วนใหญ่ยังเสนอขายหุ้นผิดจังหวะ เพราะบางส่วนเป็นหุ้นที่เลื่อนการเข้าตลาดมาจากปีก่อน ทำให้ต้องรีบผลักหุ้นเข้าในปีนี้ ที่อาจไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมนัก อีกประเด็นสำคัญคือตั้งราคาสูงเกินไป ดูจากอัตราส่วน P/E ของหุ้นไอพีโอปีนี้ ยู่ในระดับสูงกว่าปีก่อน เมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นถูกกดดันอย่างหนัก เมื่อเข้าสู่ตลาดหุ้นไปสักระยะหนึ่งแล้ว
เช่นเดียวกับ "กิติชาญ ศิริสุขอาชา" ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ที่มองไปในทิศทางเดียวกันว่า หุ้นไอพีโอปีนี้ส่วนใหญ่ตั้งราคาขายแพงเกินจริง ทำให้เมื่อเข้าเทรดสักระยะราคาหุ้นจะปรับตัวลงหาพื้นฐานที่แท้จริง
*** แนะประเมินมูลค่าก่อนเข้าลงทุนตัวต่อไป
"กิติชาญ ศิริสุขอาชา" แนะนำเพิ่มเติมว่า กลยุทธ์การลงทุนหุ้นไอพีโอจากนี้ไปให้พิจารณาราคาขายเป็นหลัก เทียบกับหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันว่าถูกหรือแพงแค่ไหน หากราคาขายมีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ก็สามารถเลือกซื้อเพื่อลงทุนในระยะยาวได้ ขณะเดียวกันก็ต้องพิจารณางบการเงินในอดีตควบคู่ด้วยว่ามีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจหรือไม่ รวมถึงคาดการณ์การเติบโตในอนาคตตาม Guide line ที่บริษัทให้ ว่าเป็นไปในทิศทางที่สมเหตุสมผลหรือไม่ สุดท้ายพิจารณามาร์เก็ตแคปและฟลีโฟลทของบริษัท หากมีขนาดใหญ่เกินไป ก็จะทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นระดับสูงๆได้ยาก
ส่วน "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ระบุว่า ต้อง ประเมิน Valuation หุ้นอย่างถี่ถ้วน โดยแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นที่มีอัตราส่วน P/E ระดับสูงจนเกินไป เพราะจะเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นในระยะถัดไปได้ หรือในกรณทีหุ้นมีอัตราส่วน P/E ระดับสูง ก็ต้องมีคำอธิบายการเติบโตในระยะยาวอย่างชัดเจน จึงจะสามารถเข้าลงทุนได้
ขณะเดียวกัน "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" แนะนำนักลงทุนพิจารณาธุรกิจหลักของหุ้นที่จะเข้าไปลงทุนอย่างละเอียดว่าเป็นธุรกิจที่เกาะกระแสไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลกและกำไรสุทธิสามารถเติบโตได้อย่างน้อย 1 - 3 ปีถัดไปหรือไม่ หลังจากพิจารณาเทรนด์ธุรกิจแล้ว ก็ควรพิจารณาราคาขายด้วยว่าถูกหรือแพงแค่ไหน ซึ่งอาจเทียบ Valuation กับหุ้นในกลุ่มเดียวกันเป็นลำดับแรกๆ ถ้าเทียบแล้วพบว่าอัตราส่วน P/E ของหุ้นไอพีโอสูงกว่าก็ถือว่าไม่น่าสนใจเข้าลงทุน เพราะระยะยาวจะไม่สามารถ Outperform ได้ หากกำไรไม่สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่นและชัดเจน