พบ 11 หุ้น กำไรปี 65 จ่อโตเกิน 100% ส่วนใหญ่ฐานกำไรปีก่อนต่ำจากโควิด-19 กลุ่ม"พาณิชย์" - "อาหาร"ติดโผสูงสุด ส่วน CRC กูรูฟังธงกำไรปีนี้ฟื้นแรงสุด 8,734 - 11,091%
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่อัพเดทข้อมูลช่วง 1 เดือนล่าสุด จาก IAA Consensus พบ 11 บริษัท ถูกนักวิเคราะห์ประเมินว่ากำไรสุทธิปี 65 มีแนวโน้มเติบโตจากปีก่อนมากกว่า 100% ประกอบด้วย
11 บจ.กำไรปี 65 จ่อโตเกิน 100% |
หุ้น | บล. | กำไรปี 65 (ลบ.) | %chg YoY |
CRC | เอเชีย พลัส | 6,603 | 11,091 |
โนมูระฯ | 5,958 | 9,209 |
หยวนต้า | 5,654 | 8,734 |
PLANB | เอเชีย พลัส | 819 | 1,179 |
บัวหลวง | 645 | 907 |
ฟินันเซียฯ | 568 | 787 |
GFPT | บัวหลวง | 1,670 | 699 |
หยวนต้า | 1,670 | 699 |
เอเชีย พลัส | 1,634 | 681 |
TFG | บัวหลวง | 4,351 | 674 |
ฟินันเซียฯ | 4,225 | 651 |
เอเชีย พลัส | 4,121 | 633 |
PYLON | โนมูระฯ | 211 | 441 |
หยวนต้า | 169 | 322 |
ฟินันเซียฯ | 120 | 208 |
BANPU | บัวหลวง | 43,431 | 341 |
เอเชีย พลัส | 40,516 | 311 |
เอเชีย เวลท์ | 38,329 | 289 |
BH | เอเชีย พลัส | 4,231 | 248 |
โนมูระฯ | 4,150 | 241 |
บัวหลวง | 3,998 | 229 |
BEM | เอเชีย พลัส | 2,777 | 175 |
โนมูระฯ | 2,309 | 129 |
LPN | โนมูระฯ | 700 | 132 |
เอเชีย พลัส | 665 | 120 |
RS | บัวหลวง | 288 | 126 |
โนมูระฯ | 279 | 119 |
พาย | 262 | 106 |
DELTA | ฟินันเซียฯ | 13,952 | 108 |
พาย | 13,702 | 105 |
ที่มา : บทวิเคราะห์ที่อัพเดทช่วง 1 เดือนล่าสุด |
*** หุ้น"พาณิชย์" - "อาหาร"ติดโผสูงสุด
11 บริษัทดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในดัชนี SET100 จำนวน 6 บริษัท ส่วนหุ้นนอกดัชนี SET100 ติดโผจำนวน 5 บริษัท ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจพาณิชย์ และอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 2 บริษัทเท่ากัน
*** CRC กำไรจ่อฟื้นแรงเกิน 10,000%
โดย บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) เป็นบริษัทที่ถูกโบรกเกอร์คาดหมายว่ากำไรสุทธิปี 65 มีแนวโน้มเติบโตสูงสุดราว 8,734 - 11,091% โดยประเมินกำไรสุทธิไว้ระหว่าง 5.6 - 6.6 พันล้านบาท สาเหตุหลักเป็นเพราะฐานกำไรปีก่อนต่ำผิดปกติ จากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ในปี 65 สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคดังกล่าวคลี่คลายลง ส่งผลให้รัฐบาลยกเลิกมาตรควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด พร้อมกับเปิดประเทศมากขึ้น ส่งผลให้อัตราการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ CRC ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญราว 50% ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา อีกทั้ง ช่วงไตรมาส 4/65 ยังเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจอีกด้วย
รองลงมา คือ บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) ที่ถูกคาดกำไรสุทธิระหว่าง 568 - 819 ล้านบาท เติบโตขึ้น 787 - 1,179% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินโฆษณาฟื้นตัว หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย อีกทั้ง PLANB ยังมีการปรับราคาขึ้น และปรับ Media Package ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มจะสร้างรายได้เพิ่มเดือนละ 65 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น จากการถอดป้ายโฆษณาที่มีพื้นที่ทับซ้อนกันทิ้ง คาดประหยัดต้นทุนจากการ Write-off ป้ายโฆษณาอีกราว 27 ล้านบาท ประกอบกับ มีการเจรจาส่วนลดค่าเช่ากับทาง Lanlord อีกราว 60 ล้านบาทในปีนี้ด้วย
*** อีก 4 บจ. กำไรปีนี้ จ่อโตเกิน 300%
ขณะเดียวกัน ยังมีอีก 4 บริษัท ที่กำไรสุทธิปี 65 มีแนวโน้มเติบโตจากปีก่อนมากกว่า 300% ประกอบด้วย บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) ที่ถูกคาดกำไรสุทธิระหว่าง 1.63 - 1.67 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 681 - 699% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากฐานกำไรปีก่อนที่ต่ำกว่าปกติ อีกทั้งในปีนี้ ราคาไก่และปริมาณการส่งออกไก่ฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ด้าน บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) ถูกคาดกำไรสุทธิปี 65 ไว้ที่ 4.1 - 4.3 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 633 - 674% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากราคาไก่และหมู ยังมีแนวโน้มทรงตัวสูงต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 65 จากปัญหาหมูขาดแคลน และแนวโน้มความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ฟื้นตัว หลังการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังเป็นช่วงไฮซีซั่นของการส่งออกไก่สู่ต่างประเทศด้วย โดยราคาไก่เป็นในปีนี้ ทำสถิติราคาสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยราคาเฉลี่ยไก้เป็นตั้งแต่ต้นไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 49.2 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 65% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อน ขณะที่แนวโน้มราคาขายไก่ส่งออกปรับตัวขึ้นราว 7% จากไตรมาสก่อนเช่นกัน
ขณะที่ บมจ.ไพลอน (PYLON) ถูกคาดกำไรสุทธิปี 65 ระหว่าง 120 - 211 ล้านบาท เติบโตขึ้น 208 - 441% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากการทำงานใหญ่เต็มไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 1/65 เป็นต้นมา อาทิ Cloud11, ทางด่วนพระราม 3 - ดาวคะนองเป็นต้น ทำให้การใช้เครื่องจักรเพิ่มมาอยู่ที่ 19 ชุด จากทั้งหมด 30 ชุด หนุนรายได้เพิ่มขึ้นราว 218% จากปีก่อน
ฟาก บมจ.บ้านปู (BANPU) ถูกคาดกำไรสุทธิปี 65 ไว้ราว 3.8 - 4.3 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 289 - 341% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากราคาขายถ่านหินงวดไตรมาส 2/65 ปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญ จากการทำสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้มีการปรับประมาณการราคาขายเฉลี่ยถ่านหินปีนี้ขึ้นเป็น 150 เหรียญ/ตัน (เดิมคาด 120 เหรียญ/ตัน)
*** ที่เหลือคาดกำไรโต 105 - 248%
ทั้งนี้ อีก 5 บริษัทที่เหลือ ถูกคาดกำไรสุทธิปี 65 จะเติบโตจากปีก่อน 105 - 248% ประกอบด้วย บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ถูกคาดกำไรสุทธิระหว่าง 3.9 - 4.2 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 229 - 248% จากปีก่อน สะท้อนจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกที่สูงกว่าคาด หลังรายได้ผู้ป่วยต่างปรเทศฟื้นตัวกลับสู่ภาวะก่อนเกิดโควิด-19
อีกทั้งในช่วงครึ่งปีหลัง ยังมีแนวโน้มรักษาโมเมนตัมดังกล่าวไว้ได้ต่อเนื่อง ประกอบกับ ธุรกิจจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 3/65 ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น จะปรับตัวสูงขึ้น ตามผู้ป่วยต่างประเทศที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน อีกทั้ง BH ยังมีกลยุทธ์เพิ่มอัตรากำไรให้สูงขึ้น จากการบริหารต้นทุนทางการแพทย์/พยาบาล ให้มีประสิทธืภาพมากขึ้น
ด้าน บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ถูกคาดกำไรสุทธิปี 65 ราว 2.3 - 2.7 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 129 - 175% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศ และการปลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นของประชาชน ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการทางด่วน และรถไฟฟ้าใต้ดิน กลับมาสู่ภาวะเกือบปกติแล้ว
ฟาก บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) ถูกคาดกำไรสุทธิปี 65 ราว 665 - 700 ล้านบาท เติบโตขึ้น 120 - 132% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากช่วงครึ่งปีแรก ที่มีการส่งมอบ 2 คอนโดใหม่ เทียบปี 64 ไม่มีการโอนคอนโดใหม่เลย ทำให้ทั้งหมดมาจากการขายโอนฯสต๊อกเดิม หนุนยอดโอนครึ่งปีแรก เติบโตกว่า 63%
ส่วน บมจ.อาร์เอส (RS) ถูกคาดกำไรสุทธิปี 65 ไว้ที่ 262 - 288 ล้านบาท เติบโตขึ้น 106 - 126% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากการเร่งเปิดตัวสินค้าใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวกับกัญชง และเริ่มรับรู้รายได้จาก ULife เต็มไตรมาสครั้งแรก อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างเริ่มลดลง
ปิดท้ายด้วย บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ถูกคาดกำไรสุทธิปี 65 ไว้ที่ 1.37 - 1.39 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 105 - 108% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกที่ดีกว่าโบรกฯคาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญ จากรายได้ฟื้นตัวกว่า 23% จากปีก่อน อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากเงินบาทอ่อนค่า ทำให้รายได้สกุลบาทเพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อน