ความคืบหน้าการประกาศงบการเงินบจ.ไทยงวด Q4/66 พบกว่า 70% รายงานงบต่ำกว่าตลาดคาด ฉุดงบรวมทั้งปีจ่อต่ำกว่าคาด วงการโบรกฯผสานเสียงเตรียมปรับลดประมาณการกำไร บจ. - SET ณ สิ้นปี 67 แต่รอให้ฤดูประกาศงบปี 66 จบก่อน แนะกลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ เลือกสะสมหุ้นที่ผ่านการประกาศงบ Q4/66 ไปแล้ว ประกอบกับ กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวตั้งแต่ Q1/67 เป็นต้นไป
*** กำไร บจ. Q4/66 ส่วนใหญ่ต่ำคาด
"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นไทยกำลังจะเข้าสู่การรายงานงบการเงินงวดไตรมาส 4/66 เต็มที่ในช่วง 2 สัปดาห์ต่อจากนี้ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ส่วนใหญ่รายงานผลการดำเนินงานงวดดังกล่าวออกมาแล้ว โดยส่วนมากมีผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาดการณ์ไว้ถึง 70% ของจำนวนบจ.ทั้งหมด
สอดคล้องกับ "มงคล พ่วงเภตรา" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ที่เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้รวบรวมการรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/66 ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 94 บริษัท พบว่า กำไรรวมของ 94 บริษัทดังกล่าว ลดลง 15% จากไตรมาสก่อน ขณะที่กำไรสุทธิช่วงดังกล่าวยังต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ถึง 12% อีกด้วย
ด้วยสถานการณ์ล่าสุด ทำให้เราประเมินว่า มีโอกาสค่อนข้างสูงที่กำไรรวมของบริษัทจดทะเบียนช่วงไตรมาส 4/66 จะออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยประเมินว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาสนี้ จะอยู่ที่ 2.1 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 37% จากปีก่อน แต่ลดลง 20% จากไตรมาสก่อน
*** โบรกฯจ่อหั่นเป้า EPS - SET ปี 67
"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" กลับมากล่าวต่อว่า หลังประกาศงบไตรมาส 4/66 เสร็จสิ้น เราจะมีการปรับคาดการณ์ทั้งกำไรบริษัทจดทะเบียน และเป้าหมายดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ณ สิ้นปี 67 ลงอย่างแน่นอน สาเหตุหลักเป็นเพราะกำไรรวมของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4/66 ที่มีแนวโน้มจะต่ำกว่าที่ประมาณการณ์ไว้เดิม ประกอบกับ การฟื้นตัวของผลการดำเนินงานในระยะถัดไปยังค่อนข้างจำกัด
โดยเป้าหมายกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) เดิมของเราอยู่ที่ 99.8 บาท/หุ้น ซึ่งมองว่า เป็นระดับที่ค่อนข้างสูงมากเมื่อเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่นเดียวกัย เป้าหมายดัชนี ณ สิ้นปี 67 ที่คาดไว้สูงเช่นกัน (ไม่ขอเปิดเผยตัวเลขเพราะไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ล่าสุด) ทำให้ขณะนี้ เราอยู่ระหว่างทำประมาณการณ์ใหม่ทั้งหมด คาดจะเเล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า
เช่นเดียวกับ "มงคล พ่วงเภตรา" ที่ระบุว่า มีแนวโน้มค่อนข้างสูงที่จะปรับคาดการณ์ทั้ง EPS ที่เคยคาดไว้ที่ 88.9 บาท/หุ้น เติบโตขึ้น 11% จากปีก่อน และ เป้า SET Index ณ สิ้นปี 67 ที่ระดับ 1,553 จุด ลงมาได้อีก หลังผ่านการประกาศงบการเงินไตรมาส 4/66 เนื่องจากคาดว่า กำไรรวมบริษัทจดทะเบียนปี 66 มีแนวโน้มจะเติบโตได้ต่ำกว่าคาดการณ์เดิม อีกทั้ง การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยในปี 67 ยังทำได้อย่างล่าช้า และยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม
ขณะที่ ปัจจัยภายนอกก็ยังคงกดดันอยู่ ทั้งเรื่องของการทำสงครามของทั้งรัสเซีย - ยูเครน รวมทั้ง ในอิสราเอลด้วย อีกทั้ง เศรษฐกิจจีนยังคงเห็นภาพที่เปราะบาง และยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่กระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไทยทางอ้อมด้วย
สอดคล้องกับ "สุนทร ทองทิพย์" ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย ที่ระบุว่า มีแนวโน้มจะปรับคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียน และ SET Index ณ สิ้นปี 67 ลงเช่นกัน โดยปัจจุบันประเมิน EPS ไว้ที่ 97 บาท/หุ้น เติบโตขึ้น 15% จากปีก่อน หากมีการปรับลดลงคาดว่าจะอยู่บริเวณไม่เกิน 95 บาท/หุ้น เติบโตขึ้น 13% จากปีก่อน ขณะที่ SET Index ที่ประเมินไว้ที่ 1,470 จุด ณ สถานการณ์ปัจจุบัน คิดว่าค่อนข้างเหมาะสมแล้ว แต่อาจมีการปรับลงได้อีกเช่นกัน หากตัวเลขในไตรมาส 4/66 ออกมาทั้งหมด
สำหรับ เหตุผลหลักของแนวโน้มที่จะปรับคาดการณ์ลง เป็นเพราะผลการดำเนินงานรวมในไตรมาส 4/66 ของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มเติบโตต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ อีกทั้ง กำไรกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วงปี 67 ยังมีดาวน์ไซด์จากแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อีกด้วย
ส่วน "ภาดล วรรณรัตน์" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า เบื้องต้นยังคงประมาณการ EPS ณ สิ้นปี 67 ไว้ที่ 92 บาท/หุ้น เติบโตขึ้น 8% จากปีก่อน ขณะที่เป้าหมาย SET Index ณ สิ้นปี 67 อยู่ที่ 1,520 จุด โดยยังประเมินว่า ไม่น่าจะมีโอกาสปรับประมาณการณ์ดังกล่าวลงหลังประกาศงบไตรมาส 4/66 เสร็จสิ้น เนื่องด้วยเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามตัวเลขทั้งหมดหลังช่วงไตรมาส 4/66 อยู่ดี ซึ่งจะเป็นเหตุผลในการประกอบการตัดสินใจอีกครั้ง ว่า จะมีการปรับคาดการณ์ลงอีกหรือไม่ ?
*** ส่วนใหญ่แนะเก็บหุ้นงบฟื้นต่อ หลังผ่าน Q4/66
"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ระบุว่า กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะนำนักลงทุนหลบความผันผวนของดัชนีชั่วคราว โดยการลงทุนในหุ้น Real Sector ที่ประกาศงบการเงินงวดไตรมาส 4/66 ไปแล้ว และคาดว่ากำไรงวดไตรมาส 1/67 จะทยอยฟื้นตัวดีขึ้น อาทิ SCCC, ADVANC, INTUCH, AOT, DRT, GULF, MINT, ITC, CPAXT, JMT, JMART, SCC, GPSC, IRPC และ TOP เป็นต้น
ด้าน "มงคล พ่วงเภตรา" ระบุว่า กลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ แนะนำนักลงทุน Wait & See ไปก่อน รอให้ผ่านช่วงประกาศงบการเงินไตรมาส 4/66 ไปเสียก่อน และจึงค่อยเข้าสะสมหุ้นที่ผลการดำเนินงานช่วงปี 67 มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ในระยะถัดไป
ฟาก "สุนทร ทองทิพย์" ระบุว่า กลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ แนะนำนักลงทุนทยอยสะสมหุ้นที่รับอานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่า เพราะมีแนวโน้มที่ผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวได้ในระยะถัด และหุ้นในกลุ่มการท่องเที่ยว ที่กำลังได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวที่โดดเด่นของภาคการท่องเที่ยวไทย
ขณะที่ บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ยังคงต้องติดตามว่าท้ายสุด จะเห็นการปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 67 ลงมากน้อยเพียงใด ทำให้ภาพรวมดัชนีในระยะสั้นนี้ ยังปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างจำกัด
ทั้งนี้ กลยุทธ์ลงทุนในระยะสั้นจึงแนะนำนักลงทุนเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มประกาศกำไรแข็งแกร่ง และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ส่วนระยะยาวยังคาดหวังเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทยที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อปี 66 ก่อนทยอยเร่งตัวขึ้นในปี 67 โดยยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ รวมถึงงบประมาณประจำปี 67 ที่คาดว่าจะผ่านสภาฯได้ในช่วงไตรมาส 2/67