efinancethai

FinTech

ถึงเวลาซื้อ CRYPTO หรือยัง???

ถึงเวลาซื้อ CRYPTO หรือยัง???

 

 

ถึงเวลาซื้อ CRYPTO หรือยัง???

 

ในปี 2024 การลงทุนใน Bitcoin และคริปโทเคอร์เรนซีกลายเป็นหัวข้อที่นักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจ ด้วยหลายเหตุผลที่ส่งเสริมให้ Bitcoin และคริปโทฯ เป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพสูง แต่ราคาก็ยังขึ้นๆ ลงๆ จนมีคำถามเข้ามาบ่อยๆ ว่าถึงเวลาซื้อคริปโทฯ ได้รึยัง?  

 

บทความนี้จะชวนทุกคนมาจะเจาะลึก 5 ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนว่าทำไมปีนี้ถึงเป็นเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนใน Bitcoin และคริปโทเคอร์เรนซีกันครับ

 

1. Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก คล้ายกับทองคำ แต่มีความแตกต่างสำคัญ

 

Bitcoin ซึ่งถือเป็นเหรียญหลักของคริปโทเคอร์เรนซี เพราะมีขนาดของตลาดใหญ่ที่สุดกว่า 50% ของขนาดคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมด จึงเป็นเหมือตัวชี้นำตลาดคล้ายกับในตลาดหุ้นที่เมื่อไหร่ก็ตามหุ้นใหญ่เคลื่นไปทางไหน ตลาดหุ้นก็จะไปทางนั้น ซึ่งในปัจจุบัน Bitcoin ได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายประเทศ โดยถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่สามารถเก็บรักษามูลค่าในลักษณะคล้ายกับทองคำ 

 

แต่สิ่งที่ทำให้ Bitcoin แตกต่างอย่างชัดเจนจากเงินตราหรือทองคำคือ การที่ Bitcoin ถูกออกแบบไว้ให้มีจำนวนจำกัด หรือ Limited Supply โดยจะมีจำนวนทั้งหมดเพียง 21 ล้านเหรียญ เท่านั้น ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในการรักษามูลค่าของ Bitcoin ในระยะยาว

 

ทำไม Bitcoin จึงมีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ?

 

หนึ่งในเหตุผลที่ผู้สร้าง Bitcoin ออกแบบระบบให้มีจำนวนจำกัดนี้ เป็นเพราะต้องการสร้าง Bitcoin ให้เป็นสินทรัพย์ที่มีลักษณะของการขาดแคลน (scarcity) หายากคล้ายกับทองคำ โดยเฉพาะมีความแตกต่างจากเงิน Fiat หรือเงินที่รัฐบาลต่างๆ ในปัจจุบันที่สามารถพิมพ์เพิ่มได้ไม่จำกัด โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อและความไม่เท่าเทียมกันในระบบการเงินปัจจุบัน  

 

Bitcoin มีการกำหนดอัลกอริธึมที่ชัดเจนในรหัสของมัน (code) บนเทคโนโลยีบล็อกเชนว่าจำนวน Bitcoin ที่สามารถสร้างขึ้นได้จะถูกจำกัดไว้ที่ 21 ล้านเหรียญ เท่านั้น และไม่สามารถเพิ่มได้อีก ไม่ว่าจะเป็นผู้สร้าง Bitcoin เองหรือใครก็ตามก็ไม่สามารถเข้าไปแก้ไขได้ 

 

นั่นหมายความว่าหลังจาก Bitcoin เหรียญสุดท้ายถูกขุดได้สำเร็จ จะไม่มี Bitcoin ใหม่เข้าสู่ระบบอีก ซึ่งความสามารถนี้ของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ตรวจสอบได้แบบโปร่งใสตลอดเวลา ทำให้ทุกคนทั่วโลกเชื่อในเรื่องเดียวกัน และให้มูลค่ากับ Bitcoin ในปัจจุบัน

 

ความแตกต่างของ Bitcoin จากเงินตราและทองคำ

 

ในขณะที่ทองคำถูกขุดได้เรื่อย ๆ และยังคงมีการค้นพบแหล่งทองคำใหม่ในโลก เงิน Fiat ทั่วไปสามารถพิมพ์เพิ่มได้ไม่จำกัดขึ้นอยู่กับนโยบายการเงินของรัฐบาลในแต่ละประเทศ ซึ่งอาจทำให้เกิดเงินเฟ้อตามมา ยกตัวอย่างเงินบาท ที่ในอดีตเงินเพียง 20 บาทก็สามารถแลกข้าวได้หนึ่งจาน แต่ในปัจจุบันตัองใช้เงินถึง 50 บาทหรือมากกว่านั้นสำหรับข้าวหนึ่งจาน ชี้ให้เห็นว่ามูลค่าของเงินมีแนวโน้มที่จะลดงเรื่อยๆ ตามกาลเวลา ถ้าเราไม่นำเงินไปลงทุน มูลค่าของเงินเราจะลดลงเรื่อยๆ

 

Bitcoin มีระบบที่ป้องกันการเพิ่มจำนวนนี้ โดยการกำหนดจำนวนที่แน่นอนที่ 21 ล้านเหรียญ สิ่งนี้จึงทำให้ Bitcoin มีโอกาสสูงในการรักษามูลค่าหรือเพิ่มมูลค่าขึ้นในอนาคตเมื่ออุปสงค์เพิ่มขึ้น ขณะที่อุปทานถูกจำกัด ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญที่ไม่เหมือนสินทรัพย์อื่นๆ อย่างเงินตราหรือทองคำ ทำให้ปัจจุบัน Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจในฐานะที่คล้ายกับการเป็น “ทองคำดิจิทัล” ที่มีคุณสมบัติไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้เหมือนเงินตราทั่วไป

 

2. การลงทุนใน Digital Asset จากองค์กรใหญ่ทั่วโลก

 

บริษัทขนาดใหญ่ทั่วโลกเริ่มหันมาลงทุนใน Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัล ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ Tesla ซึ่งได้ลงทุนใน Bitcoin กว่า $1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2021 และ MicroStrategy บริษัทซอฟต์แวร์ที่ถือครอง Bitcoin มูลค่ากว่า $4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ Michael Saylor CEO ของ MicroStrategy ยังได้กล่าวว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องทรัพย์สินในระยะยาว จึงได้ซื้อ Bitcoin ไว้เป็นจำนวนมาก

 

การที่บริษัทใหญ่เริ่มถือครอง Bitcoin ทำให้เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักลงทุนทั่วไปเริ่มมีความเชื่อมั่นในสินทรัพย์นี้มากขึ้น และเป็นการยืนยันว่า Bitcoin ไม่ใช่เพียงสินทรัพย์ทางเลือก แต่เป็นเครื่องมือการลงทุนที่เป็นมาตรฐานยุคดิจิทัลในปัจจุบัน

 

3. Bitcoin และ Ethereum ETF ที่ได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต. สหรัฐอเมริกา

 

ในต้นปี 2024 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) ได้อนุมัติการจัดตั้งกองทุน ETF สำหรับ Bitcoin และตามมาช่วงกลางปีก็ได้อนุมัติการจัดตังกองทุน Ethereum ETF ซึ่งการอนุมัติ ETF ได้ช่วยให้นักลงทุนทั่วไปสามารถลงทุนใน Bitcoin ได้ง่ายขึ้น ผ่านช่องทางการลงทุนที่คุ้นเคยและได้รับการกำกับดูแลอย่างชัดเจน 

 

สิ่งนี้ทำให้ตลาด Bitcoin มีความเป็นมาตรฐานและเชื่อมต่อกับนักลงทุนที่อาจไม่มีความเชี่ยวชาญในการซื้อคริปโตโดยตรงได้ และการอนุมัติ Bitcoin และ Ethereum ETF ของทาง กลต สหรัฐ และมีกองทุนระดับโลกได้สร้างกองทุนนี้ขึ้นมา ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่แสดงให้เห็นว่า Bitcoin และ Ethereum ที่เป็นสินทรัพย์ที่ที่ใหญ่ที่สุด 2 อันดับของคริปโทเคอร์เรนซี ได้รับการยอมรับจากแวดวงการเงินระดับโลกเรียบร้อยแล้ว 

 

4. Bitcoin Halving

 

Bitcoin Halving เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดของวงการคริปโต โดยจะเกิดขึ้นทุก 4 ปี ในปี 2024 เหตุการณ์นี้จะทำให้ปริมาณ Bitcoin ที่ถูกขุดในแต่ละบล็อกลดลงจาก 6.25 BTC เหลือ 3.125 BTC ซึ่งจะทำให้ปริมาณ Bitcoin ในตลาดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในทางตรงกันข้าม ความต้องการ Bitcoin ยังคงสูงขึ้น ส่งผลให้ราคามีแนวโน้มสูงขึ้นหลังจากการ Halving

 

การ Halving ในปี 2020 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาของ Bitcoin พุ่งขึ้นจาก $8,000 ในช่วงก่อนการ Halving ไปถึง $64,000 ในปีถัดมา การลดลงของอุปทานใหม่ควบคู่กับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนทำให้เกิดการพุ่งขึ้นของราคาในลักษณะเดียวกันกับครั้งก่อนๆ 

 

ปีนี้ Bitcoin Halving ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง จึงมีความคาดหมายว่าการลดอุปทานครั้งนี้จะช่วยทำให้ราคาของ Bitcoin สูงขึ้นได้อีกครั้ง

 

5. Market Size ของ Bitcoin ยังเล็กกว่า Amazon หรือ Apple

 

แม้ว่าการพูดถึง Bitcoin จะมีอยู่มากในโลกการเงินมากว่า 15 ปี  แต่มูลค่าตลาดของ Bitcoin ยังคงเล็กมากเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทชั้นนำอย่าง Amazon และ Apple ปัจจุบันมูลค่าตลาดของ Bitcoin อยู่ที่ประมาณ $1.14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ Amazon มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ $1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ บริษัท Apple มูลค่ากว่า $3.38 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดของทองคำ ที่อยู่ที่ $17.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

การที่ Bitcoin มีขนาดตลาดเล็กกว่าบริษัทเหล่านี้ และยังเล็กมากเมื่อเทียบกับทองคำ ทำให้ยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก เนื่องจาก Bitcoin ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเมื่อเปรียบเทียบกับการยอมรับในวงกว้าง การเติบโตของมูลค่าตลาดในอนาคตจึงมีความเป็นไปได้สูง หากตลาดและการยอมรับของ Bitcoin ยังคงขยายตัวต่อไปในอนาคต

 

การลงทุนใน Bitcoin และคริปโทเคอร์เรนซีในปี 2024 จึงถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจ ด้วยปัจจัยจากการยอมรับทั่วโลก การสนับสนุนจากองค์กรขนาดใหญ่ การอนุมัติ ETF จากทางการสหรัฐฯ เหตุการณ์ Halving เกิดขึ้นในปีนี้ และศักยภาพการเติบโตที่ยังคงอยู่ในขนาดตลาดที่เล็ก การตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงนี้จึงอาจเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการขยายพอร์ตการลงทุน

 

อย่างไรก็ตามด้วยขนาดที่เล็กของ Bitcoin และคริปโทเคอร์เรนซี จึงยังมีความเสี่ยงมากๆ ที่จะทำให้ราคาของสินทรัพย์ประเภทนี้ยังคงผันผวนอย่างรุนแรง เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าสิ่งที่เราคิดจะเป็นจริงหรือไม่ จึงอยากให้มองว่า Bitcoin และคริปโทเคอร์เรนซี เป็นสินทรัพย์ทางเลือกเท่านั้น ที่นักลงทุนสามารถเลือกใช้เพื่อกระจายความเสี่ยง หรือเป็นเครื่องมือทางการเงินในการลงทุนเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น ยังมีเสี่ยงเกินไปที่จะใช้เป็นการลงทุนหลัก 

 

*การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ โปรดระมัดระวังในการลงทุนนะครับ 

 

บทความโดย : วรพจน์ ธาราศิริสกุล 

 

Source : 

 

https://companiesmarketcap.com/assets-by-market-cap/

 

https://www.forbes.com/advisor/in/investing/cryptocurrency/bitcoin-prediction/

 

https://cryptonews.com/cryptocurrency/is-bitcoin-a-good-investment/

 

https://www.blockpit.io/blog/is-now-a-good-time-to-invest-in-crypto 

 

แบบสอบถามความพึงพอใจ






บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh