efinancethai

FinTech

ภาพรวมตลาดคริปโทฯ ในครึ่งปีหลัง 2024

ภาพรวมตลาดคริปโทฯ ในครึ่งปีหลัง 2024

 

 

 

 ภาพรวมตลาดคริปโทฯ ในครึ่งปีหลัง 2024

 

เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้รับคำเชิญจากคุณพีรพัฒน์ หาญคงแก้ว CIO ของ Cryptomind Advisory เพื่อร่วมพูดคุยเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดคริปโทฯ ในครึ่งปีหลัง น่าแปลกมากที่เราสองคนมองค่อนข้างที่จะคล้ายกันในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งผมขอสรุปดังนี้ครับ

 

Narrative Halving ยังอยู่ แต่ถูก Drive ด้วยภาคของเศรษฐศาสตร์มหภาค

 

หลาย ๆ คนน่าจะรู้กันแล้วว่า Bitcoin จะมีการ Halving ทุก ๆ สี่ปี ในเชิงเทคนิคหมายความว่าปริมาณ Reward ที่เหล่านักขุดได้รับ จะลดลงทุก ๆ สี่ปี แต่นั่นไม่สำคัญเท่า Bitcoin Halving ดูเหมือนจะเป็น “จุดนัดพบ” ในเชิงจิตวิทยา เพราะโดยสถิติทุก ๆ Halving ที่ผ่านมา การ Halving จะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ

 

     1. ประมาณหนึ่งปีก่อน Halving ตลาดจะมีลักษณะ Sideway Up นั้นคือมีการแกว่ง แต่โดยรวมเป็นขาขึ้น ฟื้นตัว

 

     2. หลัง Halving Bitcoin มักจะมีเวลาประมาณ หนึ่งปี ถึงหนึ่งปีครึ่ง ที่จะเป็นช่วง Bull Run เป็นขาขึ้นอย่างสมบูรณ์

 

     3. หลังจากนั้นราคา Bitcoin จะเริ่ม Crash และร่วงลงมาอย่างหนัก

 

 

เหตุผลหนึ่งที่ Support Pattern แบบนี้ ผมมองว่ามันเป็น “จุดนัดพบ เชิงจิตวิทยา” เนื่องจาก Bitcoin มีความ Decentralized สูงมาก และไม่ได้ถูกควบคุมโดยใครคนใดคนหนึ่ง การที่จะให้ราคาขึ้นจำเป็นจะต้องมี “สัญญาณ” ที่ทุกคนใช้ร่วมกัน

 

อีกเหตุผลหนึ่งที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเหตุผลสำคัญไม่แพ้กันคือภาค Macro Economics โดยเฉพาะ Global Liquidity หรือปริมาณเงินที่ไหลอยู่ในระบบ เพราะจากสถิติปริมาณเงินที่ไหลเวียนอยู่ในระบบจะมี Cycle อยู่ที่ราว ๆ 4-6 ปี

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าเราไปดูปริมาณ M2 Index ซึ่งเป็นการวัดปริมาณเงินที่สามารถนำมาใช้ได้ เช่นปริมาณเงินฝากจากรายย่อย เราจะเห็นว่า M2 มี Cycle ที่ค่อนข้างชัดเจนว่าไหลไปในทางเดียวกันกับ Bitcoin 

 

 

 

 

 

สิ่งที่ไม่น่าแปลกใจ เพราะถ้าเรามีเงินเพิ่มขึ้นในระบบมาก เงินย่อมต้องหาทางออก โดยมักจะไหลไปที่สินทรัพย์ต่าง ๆ เช่นหุ้น รวมไปถึงคริปโทฯ แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือการที่ Bitcoin ถูกวาง Halving Cycle ให้มีจุดเริ่ม และ Pattern ใกล้เคียงกับ M2 Cycle ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จนถึงกับมีความเป็นไปได้ว่า Satoshi ผู้สร้าง Bitcoin ความจริงแล้วอาจจะเข้าใจเศรษฐศาสตร์มหภาคเป็นอย่างดี

 

ดอกเบี้ยจะถูกลดลงแน่ ๆ เหลือแค่ว่ากี่ครั้ง

 

เป็นที่ชัดเจนว่าอีกไม่นานเราน่าจะเข้าช่วงดอกเบี้ยขาลง อย่างที่เราทราบกัน ว่าเมื่อดอกเบี้ยลด ราคาสินทรัพย์เสี่ยงจะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการฝากเงินได้ผลตอบแทนต่ำ จึงจำเป็นต้องหาการลงทุนอื่น ๆ มากกว่านั้น เมื่อดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ ก็ทำให้การกู้เงินออกมาเพื่อลงทุนในตลาดต่าง ๆ (leverage) น่าสนใจมากยิ่งขึ้น และดอกเบี้ยยังส่งผลโดยตรงกับ Valuation ของบริษัทถ้ามองโดยวิธี Discounted Cash Flow ดังนั้น การปรับลดดอกเบี้ยของ Fed ย่อมเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม

 

 

 

ปัจจุบัน Fed คงอัตราดอกเบี้ยไว้อยู่ที่ 5.25-5.5% ซึ่งถ้าดูจาก Dot Plot สำหรับทั้งปี 2024 ที่ยังเหลืออยู่ (ด้านซ้ายสุดของกราฟ) มี 4 คน คิดว่าปีนี้อัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ที่เดิม คือ 5.25-5% มี 7 คนที่คิดว่าปีนี้จะมีการลดดอกเบี้ยเหลือ 5-5.25% และมี 8 คน ที่คิดว่าปีนี้จะลดดอกเบี้ยเหลือ 4.75-5% แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนมองแนวโน้มตลาดในอนาคตเข้าสู่ขาลง

 

การเลือกตั้งสหรัฐฯ

 

ที่ผ่านมานายโดนัลด์ ทรัมป์ นับเป็น Candidate ประธานาธิบดีที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งเห็นได้จากการที่รับเงินบริจาคเป็นคริปโทฯ ประกาศว่าจะให้ Bitcoin ที่ยังเหลืออยู่ถูกขุดในสหรัฐฯ ทั้งหมด และในบางข้อที่แม้แต่คนคริปโทฯ ก็ยังมองว่าสุดโต่ง อย่างการลดโทษนาย Ross Ulbricht ซึ่งเป็นเจ้าของ Silk Road ตลาดขายของแห่งแรกที่มีการใช้ Bitcoin ที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่ 25-27 เดือนนี้ ทรัมป์จะไปเป็น Keynote Speaker ในงาน Bitcoin Conference และล่าสุดทรัมป์ยังประกาศว่าจะให้ JD Vance ซึ่งเป็นนักการเมืองคนแรก ๆ ที่ประกาศว่าถือ Bitcoin และ Pro คริปโทฯมาก ๆ มาเป็น Vice President

 

หลังจากที่ทรัมป์รอดชีวิตจากการถูกลอบสังหาร ทำให้คะแนนนิยมของทรัมป์เพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีแนวโน้มค่อนข้างมากว่าทรัมป์อาจจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้ ซึ่งถ้าทรัมป์ชนะ และได้เป็นประธานาธิบดี เราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีและถือเป็นปัจจัยบวกที่ใหญ่มากสำหรับตลาด

 

อีกหนึ่งเหรียญที่น่าสนใจจากการที่ทรัมป์อาจจะได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคือ Solana เนื่องจาก VanEck ได้ทำการยื่นขอ Spot Solana ETF เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดการณ์กันว่าน่าจะเป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่ Sol ETF จะผ่าน เพียงแต่ถ้าทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง และมีแรงกดดันจากทางภาคการเมือง อาจจะทำให้เราเห็น Sol ETF ผ่านได้ แบบที่เราเห็นใน ETH ETF มาก่อนหน้านี้ ปัจจุบันจากการสำรวจของ CoinShares มีนักลงทุนสถาบันจำนวนมากเข้าซื้อ Sol กว่า 14% ของพอร์ท จากที่ไม่เคยถือมาก่อนเลย

 

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทรัมป์มีนโยบายในการทำสงครามการค้า โดยการขึ้นภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่มาจากจีน ซึ่งสิ่งนี้อาจจะทำให้ข้าวของที่แพงอยู่แล้ว แพงขึ้น และส่งผลกระทบให้อัตราเงินเฟ้อไม่ลดลง ซึ่งอาจจะส่งผลเชิงลบต่อนโยบายการลงของอัตราดอกเบี้ย

 

Spot Ethereum ETF

 

หลังจากที่ Spot Ethereum ETF ได้รับการอนุมัติในวันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา และเราได้เริ่มเทรดกันครั้งแรกในวันที่ 23 ก.ค. นี้ ซึ่งถ้าเราดูจาก Pattern ของ Spot Bitcoin ETF ในระยะยาว เราน่าจะได้เห็นการวิ่งขึ้นของราคา โดยในระยะสั้น อาจจะเห็นการลดลงเล็กน้อย

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกหลังจากการออก Spot Ether ETF เราอาจจะไม่ได้เห็นแรงเทขายจาก Grayscale มากเท่ากับกรณีของ Bitcoin จากรูปด้านล่าง จะเห็นว่า Bitcoin ใน Grayscale มี Discount จากราคา Bitcoin จริง ๆ อยู่ที่ราวๆ 10-30% จนถึงวันที่ Bitcoin ETF ประกาศในเดือน มกราคม ซึ่งทำให้คนที่ถือ Bitcoin ใน Grayscale อยู่ในสถานะที่ถ้าขาย จะขายขาดทุน ทำให้เมื่อ Bitcoin ETF ประกาศ นักลงทุนกลุ่มนี้จึงเทขายจำนวนมาก อย่างมีนัยยะสำคัญ

 

 

 

 

 

 

 

ถ้าเทียบกับ ETH ของ Grayscale ที่มี discount ที่น้อยมาก ๆ มานับเดือนแล้ว สำหรับผู้ที่ถือ ETH ผ่าน Grayscale ตอนนี้สามารถขาย ETH ได้ในราคาที่พอ ๆ กับราคาตลาด ทำให้อาจจะเห็นแรงกดดันจาก Grayscale น้อยลง ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลที่เราอาจจะไม่เห็น หรือเห็นไม่มาก ถึงการย่อของราคาของ ETH เหมือนกับในกรณีของ Bitcoin

 

มากกว่านั้นตอนนี้มี Ethereum  ที่ไหลอยู่ใน  Exchange ประมาณ 14.31% และ Ethereum จำนวนมากยังถูกล็อคอยู่ในแพลตฟอร์ม Staking/ Retaking ต่าง ๆ ซึ่งมีแนวโน้มจะมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นอาจจะทำให้เมื่อเกิดแรงซื้อจาก ETF น่าจะทำให้เราเห็น Supply Shock ในเหรียญ Ethereum ก็ได้

 

 

 


แรงกดดันจาก Mt.Gox

 

ในช่วงสามเดือนนี้ จะมีการคืน Bitcoin ที่กู้คืนมาได้จากการถูกแฮ็กของ Mt.Gox กระดานเทรดสัญชาติญี่ปุ่น จำนวน 140,000 btc จากที่ถูกแฮ็กไปกว่า 950,000 btc ที่หลังจากที่รอกันมามากกว่า 10 ปี ซึ่งขณะที่ถูกแฮ็ก Bitcoin มีราคาอยู่แค่ราวๆ 600 เหรียญ อย่างไรก็ตาม สำหรับการคืนนี้ นักเทรดจะได้คืนไม่พร้อมกัน และอาจจะใช้เวลานานถึง 90 วัน สำหรับกระดานเทรดอย่าง Kraken

 

มากกว่านั้น ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับ Bitcoin จำนวนมากได้ทำการขายสิทธิ์ในการรับ Bitcoin คืนให้กับรายใหญ่ไปแล้ว และรายใหญ่ หลาย ๆ รายที่มีสิทธิ์ได้รับ Bitcoin คืนก็ประกาศชัดเจนว่าจะถือต่อไป และต่อให้มีการขายออก จากกรณีที่เยอรมันขาย Bitcoin กว่า 50,000 btc ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ทำให้ราคาร่วงลงมามากนัก จึงอาจจะเป็นปัจจัยระยะสั้น ที่ไม่ได้น่ากังวลมากนัก

 

เวลาสำหรับ Altcoin?

 

 

จากกราฟ Bitcoin Dominance ซึ่งแสดงถึงสัดส่วนของ market cap ของ Bitcoin เทียบกับทั้งตลาด จะมีค่าสูงเมื่อเข้าสู่จุดเริ่มต้นของ Halving (เส้นสีแดง) และเมื่อถึงครึ่งทางก่อนที่ตลาดคริปโทฯ จะเข้าสู่จุดพีคที่สุด (เส้นสีน้ำเงิน) Bitcoin Dominance จะลดต่ำลง  ซึ่งหมายความว่ามูลค่าของเหรียญอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เหรียญ Bitcoin มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น

 

ทั้งผมและหาญเห็นตรงกันว่า ณ ตอนนี้ ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของ Halving รอบใหม่ การเล่นเหรียญที่เป็นเหรียญใหญ่อย่าง Bitcoin และ Ethereum เล่นง่ายที่สุด เพราะเนื่องจาก Altcoin ทั้งตลาดยังไม่วิ่งขึ้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะเลือกเหรียญได้ถูกตัว อาจจะต้องรอให้ Bitcoin วิ่งขึ้นไปถึงระยะนึงก่อน ซึ่งอาจจะดูจาก MVRV และถึงจะเป็นเวลาของ Altcoin

 


หมายเหตุ ข้อความด้านบนทั้งหมดเป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคล โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่สืบค้นได้ และสถิติในอดีต ไม่ได้เป็นการแนะนำการลงทุน ผู้อ่านควรศึกษาด้วยตัวเอง ก่อนตัดสินใจลงทุนใด ๆ

 

 

บทความโดย ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน (เอ็ม) PhD in Financial Mathematics 

ผู้ร่วมก่อตั้ง และที่ปรึกษา ของ ForwardX - Decentralized Derivatives Platform และ Forward Labs - Blockchain technology labs และ อาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

 

 

กราฟิก: ณัฐชนน พูนชัย (Boom)

 

แบบสอบถามความพึงพอใจ






บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh