5 โปรเจกต์เปลี่ยนโลกของ Sam Altman ผู้สร้าง ChatGPT

Sam Altman ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI และผู้สร้าง ChatGPT เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลนี้ ด้วยความคิดสร้างสรรค์และวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้า เขาได้พัฒนาโปรเจกต์ที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงโลกและสร้างการปฏิวัติในวงการเทคโนโลยีอย่างแท้จริง บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจ 5 โปรเจกต์ Digital transformation ที่สำคัญของ Sam Altman ที่รวมคอนเซปป์ความเป็น Digital, Green, และ Revolution ไว้ด้วยกัน

Source: CNBC

1. OpenAI: การปฏิวัติวงการ AI

OpenAI ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Sam Altman ร่วมก่อตั้งกับ Elon Musk, Ilya Sutskever, John Schulman, Wojciech Zaremba และ Greg Brockman ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาและวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ ตัวอย่างโปรเจกต์ที่โดดเด่น ภายใต้ OpenAI มีดังนี้:

Source: TechCrunch

- GPT (Generative Pre-trained Transformer) GPT เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของ OpenAI เป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่สามารถสร้างข้อความที่มีความสมเหตุสมผลและเหมือนกับข้อความที่มนุษย์เขียน ซึ่งเป็นระบบที่สามารถสร้างข้อความที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ได้อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถาม การเขียนบทความ หรือการสนทนากับผู้ใช้งาน อย่าง ChatGPT ก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ OpenAI ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โมเดลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในหลากหลายแอปพลิเคชัน เพื่อตอบคำถามและสนทนาที่ชาญฉลาดขึ้น ปัจจุบัน OpenAI กลายบริษัทสตาร์ทอัป อันดับ 1 ของโลก จากการจัดอันดับบนเว็บไซต์ https://www.startupranking.com/

- Safety Research OpenAI มุ่งมั่นในการทำให้การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เป็นไปอย่างปลอดภัยและเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ การวิจัยด้านความปลอดภัยนี้รวมถึงการป้องกันการใช้ AI ในทางที่ผิดและการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถควบคุมได้

2. Helion Energy: การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่น

Source: Helion

Helion Energy เป็นโปรเจกต์ที่ Sam Altman สนับสนุนและลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่น เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการผลิตพลังงานที่สะอาดและยั่งยืน โดยไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือขยะนิวเคลียร์ที่เป็นอันตราย การพัฒนาพลังงานฟิวชั่นจะเป็นการปฏิวัติด้านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Revolution)

Helion Energy มีเป้าหมายคือการสร้างพลังงานสะอาดและเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตโรงไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าปัจจุบันของโลกภายในระยะเวลา 10 ปี

Source: Helion

Altman ยังได้เคยมีแนวคิดว่า “หากทั้งสองสิ่งนี้เกิดขึ้น มันจะเปลี่ยนแปลงโลกอย่างมาก พลังงานที่มีอย่างอุดมสมบูรณ์ สะอาด และมีราคาถูกอย่างมากจะยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเราทุกคน ลองคิดดูว่าต้นทุนพลังงานส่งผลต่อสิ่งที่เราทำและใช้มากแค่ไหน นอกจากนี้ ไฟฟ้าในราคานี้จะช่วยให้เราสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ เช่น การดักจับคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพ…”

3. Worldcoin: การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนสู่ทุกคน

โปรเจกต์ Worldcoin ถูกก่อตั้งโดย Sam Altman CEO ของบริษัท OpenAI นอกจากนี้ยังมี Alex Blania กับ Max Novendstern เป็นผู้ร่วมก่อตั้งด้วย โดยร่วมมือกันสร้างโปรเจกต์ที่มุ่งเน้นการทำให้ทุกคนบนโลกมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลอย่างเท่าเทียมกัน และแก้ปัญหาจากการที่เทคโนโลยี AI กำลังมีอัตราการเติบโตที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดประโยชน์หลากหลายที่ AI นำมาสู่มนุษย์ ทั้งช่วยลดต้นทุนและเวลาในการทำงาน แต่ก็มีปัญหาที่ตามมาอย่างเรื่องของ Bot, Deepfakes, และมิจฉาชีพรูปแบบใหม่ ๆ ที่สร้างความกังวลใจให้กับผู้ใช้ทั่วโลก

นั่นจึงทำให้ Sam Altman ที่เป็น CEO ของ OpenAI บริษัทที่อยู่เบื้องหลัง ChatGPT ได้พัฒนาโทเคนดิจิทัลสกุลใหม่ที่จะมาแก้ปัญหาการยืนยันตัวตนด้วยแนวคิด Proof-of-Personhood (การพิสูจน์ความเป็นมนุษย์) ด้วย The Orb อุปกรณ์สแกนม่านตาเพื่อการยืนยันตัวตน โดยเจ้าเครื่องโอร์บจะจับภาพม่านตาของผู้ใช้เพราะม่านตาของแต่ละบุคคลเป็นเอกลักษณ์และสร้างรหัสพิเศษที่เรียกว่า IrisCode รหัสนี้ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนได้รับ World ID มากกว่าหนึ่งชุด หลังจากที่ผู้ใช้สร้าง World ID และติดตั้งแอปพลิเคชัน World พวกเขาจะได้รับโทเคนสกุลเงินดิจิทัล WLD เป็นตัวรางวัลแก่ผู้ใช้ฟรีเมื่อพวกเขาสแกนม่านตาเป็นครั้งแรก จำนวนของ WLD ที่บุคคลนั้นจะได้รับขึ้นอยู่กับประเทศนั้น ๆ

Source: The Orb

แม้จะได้รับความสนใจอย่างล้นหลามในฐานะโปรเจกต์ที่มีความแปลกใหม่ในวงการสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ปี 2023 โดยส่วนหนึ่งกล่าวเกี่ยวกับการที่ Worldcoin เป็นระบบแบบกระจายอำนาจแต่กลับมี CEO อยู่เบื้องหลัง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับบริษัททั่วไป และส่วนหนึ่งมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวเนื่องจากการใช้อุปกรณ์ The Orb ในการสแกนม่านตา เป็นต้น

4. OpenAI Codex: ปฏิวัติการเขียนโปรแกรม

OpenAI Codex เป็นเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยนักพัฒนาในการเขียนโค้ดด้วยความสามารถในการแปลภาษาธรรมชาติเป็นภาษาการเขียนโปรแกรม ด้วยการใช้ AI เพื่อสร้างโค้ดที่สามารถทำงานได้จริง ๆ โครงการนี้ช่วยลดเวลาในการพัฒนาโปรแกรมและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของนักพัฒนา

5. Y Combinator: โปรเจกต์ยักษ์เร่งสตาร์ทอัป

Source: Forbes
 

Y Combinator Management, LLC (YC) เป็นบริษัท Accelerator เร่งส่งเสริมธุรกิจการเติบโตและเพิ่มมูลค่าให้กับสตาร์ทอัปด้านเทคโนโลยีของอเมริกา นับว่าเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่สร้าง Revolutions ให้กับวงการเทคโนโลยี ด้วยการผลักดันและเปิดตัวให้เกิดบริษัทสตาร์ทอัปมามากกว่า 4,000 แห่ง ก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม 2005 โดย Sam Altman เป็นหนึ่งในหุ้นส่วน ก่อนที่จะมาร่วมสร้างกับ OpenAI นั้น Sam Altman เคยดำรงตำแหน่งประธานของ Y Combinator จนกระทั่งถูกปลดจากตำแหน่งจากบริษัทที่ตัวเองสร้างขึ้นโดย Paul Graham ในปี 2019 เพื่อมารับตำแหน่งเป็น CEO ของ OpenAI อย่างเป็นทางการนั่นเอง

Source: The 2024 YC Top Companies

บทสรุป

Sam Altman เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกที่นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาสู่โลก โปรเจกต์ต่าง ๆ ของเขาไม่เพียงแต่สร้างการปฏิวัติในวงการเทคโนโลยี แต่ยังมีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาสำคัญของโลกในด้านพลังงาน การคมนาคม และการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล โปรเจกต์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถและวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลของ Sam Altman ในการเปลี่ยนแปลงโลกไปในทิศทางที่ดีขึ้น

______________________

บทความโดย Bitkub.com

อ้างอิง: Bitkub Blog 1, Bitkub Blog 2, samaltman.com, Ycombinator, Forbes,

กราฟิก: ณัฐชนน พูนชัย (Boom)