efinancethai

FinTech

Ethereum ETF จุดเริ่มต้นของ The Next Bull Run? 

Ethereum ETF จุดเริ่มต้นของ The Next Bull Run? 

 

 

Ethereum ETF จุดเริ่มต้นของ The Next Bull Run? 

  

 

หลังจาก Spot ETF สำหรับ Ethereum ได้ผ่านการอนุมัติจาก ก.ล.ต สหรัฐฯ แบบที่ก่อนหน้านี้ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ ทำให้เกิดคำถามต่อมาว่า แล้วพวกเรา เหล่านักลงทุนควรจะไปต่ออย่างไรดี ควรกระโดดเข้าไปซื้อเลยทันทีหรือไม่? และ Ethereum ETF จะส่งผลต่อสภาพตลาดคริปโทฯ ต่อไปอย่างไร 

 

โดยส่วนตัวผมมองว่า Ethereum ETF จะส่งผลเชิงบวกต่อตลาดคริปโทฯ อย่างมากในระยะยาว เมื่อเทียบกับ Bitcoin ETF และนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของ Bull Run รอบใหม่ ที่ถ้าเราว่ากันด้วย Pattern ของ Bitcoin Halving ควรจะกำลังเริ่มก่อตัวขึ้น และเข้าสู่ช่วงพีคในครึ่งหลังของปีหน้า เหตุผลหลัก ๆ ที่ผมเชื่อแบบนี้คือ  

 

1. Ethereum เป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ คล้าย ๆ กับ Apple Store เข้าใจง่ายสำหรับนักลงทุนทั่วไป 

 

เราต้องเข้าใจก่อนว่าเม็ดเงินที่จะไหลเข้าสู่ Ethereum ETF มาจากนักลงทุนฝั่ง Traditional และนักลงทุนสถาบัน รวมถึงบริษัทต่าง ๆ เนื่องจากนักลงทุนบุคคลที่อยู่ทางสายคริปโทฯ เอง สามารถซื้อ ETH ผ่านทาง Exchange คริปโทฯ ต่าง ๆ ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเทียบกับ Bitcoin ซึ่งมีลักษณะเป็น Store of Value จะเห็นว่า Ethereum มีลักษณะใกล้เคียงกับหลักทรัพย์มากกว่า นั่นคือระบบของ Ethereum มี Model ในการสร้างรายได้โดยการเปิดให้ Applications ต่าง ๆ (Dapps) มาเปิด (Deploy)  ให้คนอื่นใช้งาน และมีการเติบโตที่ชัดเจน และนักลงทุนที่ถือเหรียญดังกล่าว ก็จะได้ผลประโยชน์เหล่านั้นด้วย 

 

การที่สถาบันหรือบริษัทจะนำเงินส่วนกลางที่มี “เจ้าของ” ออกมาซื้อคริปโทฯ จำเป็นจะต้องอธิบายให้ผู้ถือหุ้น หรือเจ้าของเงินเข้าใจให้ได้ว่าเงินที่นำไปลงจะมีการเติบโตอย่างไร สิ่งที่ตัวเองนำเงินไปลงมี Model ในการสร้างรายได้ ผลิดอกออกผลอย่างไร ซึ่งการออกมาของ Ethereum ETF จะสามารถเชื้อเชิญให้นักลงทุนกลุ่มใหญ่ที่ไม่เข้าใจมูลค่าของ Bitcoin มีความสบายใจในการนำเงินมาลงมากกว่า 

 

2. Ethereum มีขนาดมาร์เก็ตแคปที่เล็กกว่า Bitcoin มาก และมี Supply บน Exchange น้อย 

 

มูลค่ารวมของเหรียญ ETH ทั้งตลาด (Market Cap) ในปัจจุบันอยู่ที่ 3.8 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ Market Cap ของ Bitcoin สูงถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งต่างกันถึง 3.5 เท่า นั่นหมายความว่าถ้ามีเงินปริมาณเท่า ๆ กัน ไหลเข้ามาจากนักลงทุนสถาบันผ่าน ETF จะทำให้ราคาของ ETH พุ่งขึ้นรุนแรงกว่า Bitcoin หลายเท่า 

 

นอกจากนั้น Supply ทั้งหมดของ ETH ที่ไหลเวียนอยู่บน Exchange มีอยู่แค่ประมาณ 10% ของ ETH ทั้งหมด หรือเท่ากับแค่ $38 billion เท่านั้นเอง เหตุผลเพราะ ETH มี “ประโยชน์” จากการถือครองที่ชัดเจน Onchain ไม่ว่าจะเป็นจากทั้ง Platform DeFi ต่าง ๆ เช่นการทำ Lending รวมไปถึงการ Staking/ Restaking ซึ่งปริมาณการไหลเวียนของเหรียญที่น้อยบน Exchange ต่าง ๆ ยิ่งทำให้ราคาสามารถวิ่งขึ้นไปได้รวดเร็วขึ้นอีก 

 

3. Ethereum ไม่มีนักขุด ทำให้ Supply ของ ETH เพิ่มขึ้นช้ามาก ๆ จนถึงติดลบ 

 

หลังจาก The Merge ที่ผ่านมา ที่ทำให้ Ethereum เปลี่ยนระบบ Validation จาก Proof of Work ไปเป็น Proof of Stake ทำให้ ETH มีลักษณะของการเป็น Deflationary นั่นคือปริมาณของ ETH ที่ไหลเวียนในระบบมีน้อยลง ทำให้ในระยะยาว ในขณะที่ Ethereum ถูกยอมรับมากขึ้น กลับมีปริมาณของผู้รับผลประโยชน์น้อยลง ย่อมส่งผลให้มูลค่าของเหรียญเพิ่มมากขึ้นไปด้วย ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญในการประเมินการลงทุนของนักลงทุน 

 

4. Ethereum เกี่ยวข้องชัดเจนกับ Altcoins 

 

เนื่องจาก Ethereum มีลักษณะเป็นแพลตฟอร์มซึ่งเปิดโอกาสให้ Developper มาสร้างโปรเจกต์ Applications ต่าง ๆ เพื่อสร้างรายได้ ยิ่งไปกว่านั้น โปรเจกต์เหล่านั้นก็สามารถสร้างเหรียญของตัวเองอยู่บนเครือข่ายของ Ethereum ได้ ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า Ethereum มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหรียญ Altcoins ต่าง ๆ ซึ่งการที่มี Activities เพิ่มมากขึ้นของ Ethereum รวมไปถึงการวิ่งขึ้นของราคา ย่อมอาจจะทำให้เกิดกระแสที่ทำให้ราคาเหรียญ Altcoins ต่าง ๆ ปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน 

 

5. การผ่านของ Ethereum ETF มีกลิ่นการเมือง 

 

หลาย ๆ คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการอนุมัติ Ethereum ETF ของ SEC ครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับการเมืองและการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในปี 2024 เนื่องจากประชากรของสหรัฐฯ ราว 30% ถือคริปโทฯ และผู้ท้าชิงอย่างอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็แสดงท่าทีสนับสนุนโยบายด้านคริปโทฯ จนถึงกับมีการเปิดรับเงินบริจาคเป็นคริปโทเคอร์เรนซีมากกว่านั้นเราก็ยังได้เห็นการผ่านกฎหมายอย่าง FIT21 ซึ่งเป็นกฎหมายในเชิงบวกต่อคริปโทฯ จนทำให้เกิดเป็นแรงกดดันไปที่รัฐบาลปัจจุบัน เพื่อพยายามดึงเอาเสียงของคนกลุ่มนี้กลับมา ต่อจากนี้เมื่อใกล้การเลือกตั้ง เราอาจจะได้เห็นอีกหลาย ๆ นโยบาย หรือกฎหมายที่เป็นบวกต่อคริปโทฯ และแน่นอนว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อตลาดเพิ่มขึ้นอีก 

 

ยังทันหรือไม่ในการซื้อ ETH และเราควรวิ่งเข้าไปซื้อ ETH เลยดีหรือไม่? 

 

จากประวัติศาสตร์การอนุมัติของ Bitcoin ETF จะเห็นว่าทันทีที่ ETF ผ่าน ราคา Bitcoin ร่วงลงอย่างต่อเนื่องกว่า 18% หลังจากนั้นจึงจะวิ่งขึ้นอย่างรุนแรงขึ้นไปทำ All Time High ทำให้หลาย ๆ คนมองว่าเราอาจจะเห็นภาพในลักษณะเดียวกัน และรอให้ราคา ETH ปรับตัวลดลงจึงค่อยเข้าซื้อ นอกจากนั้น Ethereum ETF ยังไม่สามารถเทรดได้ทันทีหลังอนุมัติเหมือนกับ Bitcoin ETF ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหลาย ๆ คนมองตามประวัติศาสตร์ของ Bitcoin ETF และพยายามรอซื้อเมื่อราคาเกิดการย่อตัว เพื่อหวังกำไรเมื่อเงินเริ่มไหลเข้า ETF อาจทำให้ราคา ETH ไม่ได้ลดลงมากเหมือนกับ Bitcoin ก็ได้

 

***บทความนี้เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน  ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลให้ถ่องแท้ พร้อมประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ก่อนตัดสินใจลงทุน***


 

บทความโดย ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน (เอ็ม) PhD in Financial Mathematics 

 

ผู้ร่วมก่อตั้ง และที่ปรึกษา ของ ForwardX - Decentralized Derivatives Platform และ Forward Labs - Blockchain technology labs และ อาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 

 

กราฟิก: ณัฐชนน พูนชัย (Boom)

 

แบบสอบถามความพึงพอใจ






บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh