5 เรื่องน่ารู้ของ PayPal และ Web3 Payment
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา Paypal ยักษ์ใหญ่วงการ Payment ของโลกได้ประกาศบริการใหม่ที่ร่วมมือกับ MetaMask และ Ledger กระเป๋าเงินคริปโตชื่อดัง เพื่อให้บริการการแปลงคริปโทเป็นเงินสด/แปลงเงินสดเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโทเคอเรนซีต่างๆ ที่เรียกว่า ‘On Ramp/Off Ramp’ ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลอื่นๆ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงโลกของคริปโทเคอร์เรนซีได้ง่ายขึ้น
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว Paypal ได้มีความเคลื่อนไหวและทดลองการใช้งานเกี่ยวกับโลกของ Web3 มาได้หลายปี และล่าสุดก็ได้ประกาศว่ายื่นคำขอรับสิทธิบัตรสำหรับระบบการซื้อและโอนโทเคน NFT เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ของตัวเองขึ้นอีกด้วย
บทความนี้เลยอยากจะมาคุยถึงหลากหลายโครงการที่ Paypal ได้มีการทำค้นคว้าและนำ Blockchain มาใช้ในการบวนการต่างๆกันครับ
1. PayPal ‘The World Payment”
ก่อนอื่นเรามารู้จัก PayPal กันสักนิด PayPal เป็นระบบธุรกิจกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ทำให้เราสามารถจ่ายเงินและโอนเงินผ่านทางอินเทอร์เน็ต ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1998 โดยกลุ่มเพื่อนมหาวิทยาลัย Standford สี่คนด้วยกันก็คือ Luke Nosek, Max Levchin, Peter Theil และ Ken Howery และในปี 2000 ก็ได้ควบรวมกับบริษัท x.com ซึ่งเป็นบริษัทของนักธุรกิจชื่อดัง Elon Musk ที่เป็นเจ้าของบริษัท Tesla และ SpaceX นั่นเอง
PayPal เปรียบเสมือนกระเป๋าเงินออนไลน์ ที่ทำหน้าที่รับฝากหรือจ่ายเงินออนไลน์ โดยที่ผู้ใช้สามารถผูกบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตของตัวเองกับบัญชี PayPal เพื่อใช้จ่ายบนโลกอินเทอร์เน็ต โดยจุดเด่นของ Paypal คือ ไม่ต้องตัดบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตโดยตรง ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะ PayPal จะทำหน้าที่เก็บเงินส่วนนี้ไว้ก่อน
หากมีปัญหาเกิดขึ้น เช่น คนซื้อไม่จ่ายเงิน หรือคนขายของไม่ส่งของ PayPal ก็สามารถคืนเงินแก่ต้นทางได้ ทำให้ PayPal ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วง DotCom Boom และในปี 2002 ก็ได้ขายกิจการให้กับ eBay บริษัท ประมูลสินค้าออนไลน์ชื่อดังในราคากว่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และด้วยพันธมิตรที่แข็งแกร่งทำให้ PayPal ขยายฐานลูกค้าจนเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่วงการอีคอมเมิร์ซทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน
2. PayPal Digital Asset Move
PayPal ได้เปิดให้บริการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล และคริปโทเคอร์เรนซีเป็นครั้งแรกในช่วงปลายปี 2020 เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อ-ถือ-ขาย คริปโท 4 เหรียญ (Bitcoin, Ethereum, Bitcoin Cash และ Litecoin) ได้ ซึ่งหมายถึงทำให้ร้านค้ากว่า 26 ล้านร้านค้าและ 346 ล้านผู้ใช้งานของ PalPal สามารถที่จะมีคริปโทเคอร์เรนซีไว้ในครอบครองได้ เป็นการเปิดตัวครั้งสำคัญที่ยักษ์ใหญ่วงการอีคอมเมิร์ซก้าวเข้าสู่โลกของคริปโทเคอร์เรนซีอย่างเป็นรูปธรรม
ในปีถัดมาหรือปี 2021 PayPal ก็ได้เปิดบริการ Checkout by Crypto ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งาน ชำระเงินที่ร้านค้าออนไลน์หลายล้านแห่งโดยใช้เหรียญคริปโทเคอเรนซีได้โดยตรง จากปกติที่จะต้องแลกออกมาเป็นเงิน Fiat ก่อน
และตามมาติดๆ ในปี 2022 PayPal ก็ได้พัฒนาบริการใหม่ที่นอกจากผู้ใช้งานจะขาย Digital Asset ออกมาเป็นเงิน FIAT หรือเงินสกุลต่างๆหรือเพื่อซื้อสินค้าเท่านั้น ผู้ใช้งานจะสามารถส่งต่อคริปโทเคอเรนซีไปยัง Wallet อื่นๆ ผ่านบริการของ PayPal โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมหรือค่า Gas ใดๆ รวมถึงสามารถโอนคริปโทเคอเรนซีไปยังกระเป๋าภายนอก และตลาดซื้อขายอื่นๆ รวมถึง DeFi Platform ที่จะทำให้ผู้ใช้งานของ PayPal สามารถได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจากการเข้าไปใช้งานต่างๆได้อีกด้วย
3. PayPal USD (PYUSD)
เมื่อเดือนสิงหาคม 2023 PayPal ก็ได้เป็นที่พูดถึงอีกครั้งในการเปิดตัว PayPal USD (PYUSD) ซึ่งเป็นเหรียญ stablecoin สำหรับการชำระเงินและโอนเงิน เพราะเป็นการเปิดตัวเหรียญ Stable Coin ที่อิงกับดอลลาร์สหรัฐอีกหนึ่งเหรียญ ในช่วงเวลาที่ทั่วโลกมีข่าวเรื่องความน่าเชื่อถือของเหรียญ Stable Coin อื่นๆ ซึ่งออกมาก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็น USDT, USDC หรือ BUSD ของทาง Binance และ SEC หรือสำนักงาน ก.ล.ต. ของสหรัฐกำลังเข้มงวดและตรวจสอบกันอยู่ PYUSD จึงถือเป็นเหรียญทางเลือกที่โดดเด่น เพราะเป็นเหรียญที่ออกมาจากยักษ์ใหญ่จากโลก Web2 เป็นผู้ดูแลเอง
ซึ่งมูลค่าของเหรียญ PYUSD จะเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีการค้ำประกันมูลค่าของเหรียญ PYUSD ด้วยเงินฝากเป็นดอลลาร์สหรัฐ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และทรัพย์สินเทียบเท่าเงินสดประเภทอื่นๆ รวมๆกัน โดยจะมีการตรวจสอบทรัพย์สินค้ำประกันจากบริษัทบัญชีภายนอก และมีการออกรายงานเงินทุนสำรองในทุกๆเดือนเพื่อความโปร่งใส
เหรียญ PYUSD ออกโดย Paxos Trust Company ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่ออกเหรียญ Stablecoin ให้ Binance อย่างเหรียญ BUSD โดยกลไกการทำงานของ PYUSD เป็นไปตามมาตรฐาน ERC-20 ที่อยู่บนบล็อกเชน Ethereum โดยจุดเด่นของเหรียญจะสามารถโอน PYUSD ระหว่าง PayPal และกระเป๋าเงินภายนอกที่รองรับได้
4. PayPal Web3 On & Off Ramp
และมาถึงบริการสำคัญที่พูดถึงขั้นต้น ล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน 2023 ที่ผ่านมา PayPal ได้เสนอบริการใหม่ที่อนุญาตให้ผู้ใช้แปลงสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโทเคอร์เรนซีของผู้ใช้งานเป็นดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจุบันเป็นบริการที่ใช้ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ซึ่งจากที่ให้ให้ผู้ใช้งานซื้อคริปโตเคอเรนซีมาก่อนหน้านี้ (On-Ramp) ครั้งนี้จะเป็นการบริการที่จะทำให้กระเป๋าเงินดิจิทัลที่อยู่บนแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Applications) ต่างๆ เช่นกระเป๋าเงินคริปโทเคอร์เรนซี MetaMask และตลาดซื้อขาย NFT ต่างๆ สามารถให้ลูกค้าของพวกเขาซื้อและขายสกุลเงินดิจิทัลที่รองรับ (Off-Ramp) ผ่านระบบของ PayPal
บริการนี้จึงเป็นบริการสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้งานของ PayPal สามารถใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลได้แบบครบวงจร จากการซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโทเคอร์เรนซี (On-Ramp) และก็จะสามารถนำแลกมาเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ (Off-Ramp) เข้าสู่บัญชีของผู้ใช้งาน PayPal ได้โดยตรง เพราะก่อนหน้านี้ หนึ่งในปัญหาสำคัญของการขยายตัวของการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโทเคอร์เรนซี ก็คือ การแลกเปลี่ยนระหว่างคริปโทเคอร์เรนซีและเงินสกุลต่างๆ (Fiat Money) นั่นเอง ที่ต้องผ่านกระบวนการสมัครกับตลาดแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) หรือไปถึงมีความเข้าใจในการเปิดกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล และกระบวนการในการถอนเงินจาก Exchange มาที่บัญชีธนาคาร PayPal ทำให้วิธีการเหล่านี้ทำได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่คลิก
และการร่วมมือระหว่าง PayPal กับกระเป๋าเงินคริปโทเคอร์เรนซี MetaMask และ Ledger ก็ยังแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มสำคัญของความร่วมมือของธุรกิจในโลกการเงินปัจจุบัน และธุรกิจ Web3 ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในธุรกิจการเงิน ที่โลกการเงินปัจจุบันมีความพร้อมในแง่เงินทุน ลูกค้า ความสามารถในการตรวจสอบและควบคุมและป้องกันความเสี่ยง กับนวัตกรรมใหม่ๆ ของโครงการจากฝั่ง Web3 ก็จะทำให้โลกการเงินยุคถัดไปเกิดขึ้นได้ พร้อมกับเข้าถึงคนหมู่มากได้อย่างมั่นคง
5. Future of Web3 Payment
จากกิจกรรมของทาง PayPal ที่ผ่านมาสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ PayPay ที่จะเป็นผู้นำในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล และโลกที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกับบริการที่เปิดมาล่าสุดก็เป็นอีกหนึ่งบริการสำคัญที่เรียกว่าเป็น Game Changer ของโลกการเงินที่เชื่อมต่อโลกของการเงินแบบปัจจุบันและโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโทเคอร์เรนซีได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ผู้ที่อยากจะเข้าสู่โลกของคริปโทเคอร์เรนซี ไม่ต้องกังวลในการถือและจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ และมั่นใจว่าสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสด Fiat Currency ได้ตามต้องการทันที
ทำให้สินทรัพย์ดิจัทัลและคริปโทเคอร์เรนซีนั้นไม่ไกลตัวอีกต่อไปเพิ่มโอกาสให้ผู้คนทั่วไป เพิ่มสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุน ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับสถาบันการเงินต่างๆ ที่ได้เริ่มมองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ทางเลือก ที่สามารถลงทุนและอยู่ในพอร์ตการลงทุนอีกด้วย
การเคลื่อนเข้าสู่การชำระเงินบนโลก Web3 ของ PayPal ที่เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่แข็งแรงจากโลกการเงินปัจจุบัน จึงเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะต่อยอดและเป็นสะพานเชื่อมที่ไร้รอยต่อระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกดิจิทัล ที่หลังจากนี้จะค่อยๆ หลอมรวมกันเพื่อเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่น่าสนใจ น่าเชื่อถือและแน่นอนให้ประโยชน์กับผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง สินค้าทางการเงินผ่านระบบ DeFi ที่มีประสิทธิภาพ การใช้ NFT ผ่านการ Tokenization ผ่านระบบที่มีความน่าเชื่อถือโดยสถาบันการเงินตัวจริงและตรวจสอบโดยหน่วยงานกำกับดูแลที่ถูกต้อง เรามาติดตามกันนะครับ
Ref.
https://coingeek.com/paypal-obtains-bitlicense-lets-users-transfer-digital-assets-to-other-wallets/
https://www.finextra.com/blogposting/22587/web3-is-the-future-of-payments
https://www.ledgerinsights.com/paypal-merchants-to-accept-cryptocurrency/
https://www.nftgators.com/paypal-hints-at-digital-asset-offerings-with-new-web3-trademark-filings/
https://www.beyondgames.biz/41927/paypal-expands-crypto-services-with-web3-on-and-off-ramps/
https://cointelegraph.com/news/paypal-enables-users-to-sell-crypto-via-metamask
https://thecurrencyanalytics.com/crypto-exchanges/paypal-revolutionizes-digital-asset-services-unveils-web3-payment-integration-69501.php
https://nftnow.com/news/paypal-patent-application-shows-new-nft-purchase-transfer-system/
กราฟิก: ณัฐชนน พูนชัย (Boom)