Top 5 Blockchain and CryptoCurrency Trend in 2023
สวัสดีปีใหม่ 2566 ทุกท่านครับ เป็นธรรมเนียมกับปีใหม่ ซึ่งปีนี้เป็นปีที่สี่แล้ว ที่ผมได้มีโอกาสเขียนบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนในหลายๆ มุมมอง ซึ่งปีใหม่ก็จะเป็นเวลาที่จะได้มาสรุปแนวโน้มสำคัญของเทคโนโลยีบล็อกเชนกัน ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่เงียบเหงาชองบล็อกเชนและคริปโทเคอร์เรนซี ด้วยข่าวร้ายมากมายที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแต่เกี่ยวข้องกับการจัดการเงินทุนที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเทคโนโลยีของบล็อกเชนเลย ดังนั้น การพัฒนาด้านเทคโนโลยีจึงยังเดินต่อเนื่อง วันนี้จึงขออนุญาตสรุปมาเป็น 5 แนวโน้มสำคัญที่จะมาคุยกันนะครับ
1. CryptoCurrency Law
ปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นปีแห่งข่าวร้ายของวงการคริปโทเคอร์เรนซีก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายของเหรียญ Luna ที่กระทบมาถึง Zipmex ตลาด Exchange อันดับสองของเมืองไทย ไปจนถึงการล่มสลายของอาณาจักร FTX ตลาด Exchange อันดับสองของโลก ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์นี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องการจัดการสินทรัพย์ที่เกินตัว ของผู้ที่สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ที่ฝากไว้ หรือที่เรียกว่า Over Leverage ทั้งสิ้น จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญ ที่จะทำให้เราได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับกฏระเบียบเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีเกิดขึ้น เพื่อป้องกันเหตุการณ์เหล่านี้ ซึ่งเรื่องสำคัญ 3 เรื่องที่ Regulators สนใจในปีนี้ ได้แก่
- กฏระเบียบสำหรับการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลจะเข้มงวดมากขึ้นโดยเฉพาะผู้ให้บริการ
- กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลจะถูกทำให้ชัดเจนมากขึ้น เช่น สินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภทจะถูกจัดแบ่งและให้จัดการดูแลเหมือนกับหลักทรัพย์เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีข่าวว่า ที่อเมริกาจะมีการพิจารณาเหรียญอย่าง ETH ที่มีการ Stake จะถูกจัดให้เป็นหลักทรัพย์ ซึ่งถ้าเป็นจริง จะเป็นอีกหนึ่งแรงกระเพื่อมสำคัญในวงการ
- กฏระเบียบสำหรับ Stable Coin หรือคริปโทเคอร์เรนซีที่มีค่าคงที่โดยอิงกับสินทรัพย์บางประเภท ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้น เข่น USDT USDC หรือ BUSD ด้วยจำนวนการใช้งานที่มากขึ้นเรื่อยๆ จึงเริ่มมีความกังวลจากรัฐบาลในหลายประเทศ และจะเริ่มเข้ามาตรวจสอบเหรียญเหล่านี้กันอย่างจริงจังมากขึ้น
สำหรับในเมืองไทยก็เช่นกัน หสายๆ องค์กรระดับมหาชนยังคงมีความสนใจในการเข้าสู่โลกของคริปโทเคอร์เรนซีในหลายรูปแบบ ซึ่งผู้คุมกฎในเมืองไทยก็จะมีแนวนโยบายไปในทางเดียวกัน ปีนี้จึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่กฎระเบียบต่างๆ จะถูกทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
2. DeFi 2.0 The Improvement
กับการล่มสลายของ FTX ทำให้ผู้คนเริ่มตระหนักถึงปัญหาของ Centralized Exchange และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ที่มีคนเพียงหนึ่งคนสามารถนำสินทรัพย์ไปบริหารอย่างไม่ถูกต้อง รวมถึงการไม่มีความปลอดภัยในการบริหารจัดการ และไม่มีสินทรัพย์ที่เพียงพอชองผู้ประกอบการ ทำให้นักลงทุนสูญเสียเงินออม บริษัทใหญ่มากมายได้รับผลกระทบ โครงการที่ดูน่าเชื่อถือกลับต้องล่มสลายเป็นโดมิโน แม้จนถึงปัจจุบันก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่อาจจะต้องล้มตามมาเร็วๆ นี้
แต่การล่มสลายนี้ก็ก่อให้เกิดข้อดีที่ชัดเจนที่นักลงทุนเริ่มเข้าใจในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น และกลับมาสนใจใน DeFi หรือการที่นักลงทุนสามารถดูแลสินทรัพย์ของตัวเองได้ดีกว่า แพลตฟอร์ม DeFi จึงได้มีการพัฒนาพร้อมกับการแก้ปัญหาที่พบในยุค DeFi 1.0 โดยเน้นในด้าน Capital Efficiency หรือใช้ทุนให้เป็นประโยชน์มากที่สุด โดยอาจจะลดรายจ่ายและส่วนที่ไม่จำเป็นทิ้งไป และปรับ Tokenomics ให้ดีขึ้นโดยที่ไม่ไปเน้นที่ผลตอบแทนที่สูงเกินความเป็นจริง แต่กลับมาเน้นที่ความยั่งยืนและการต่อยอด
ดังนั้น DeFi 2.0 จะเป็นโลกการเงินที่เป็นจริงมากขึ้น และที่สำคัญสถาบันการเงินจากโลก Traditional ก็ได้ก้าวเข้ามาสู่โลกของ DeFi อย่างจริงจัง ทำให้ปีนี้เราน่าจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ ในการเชื่อมโลกของการเงินแบบปกติหรือ Centralized Finance และ Decentralized Finance บนโลกของ DeFi 2.0 อย่างแน่นอน
3. NFT Utilities
NFT (Non Fungible Token) หรือ เหรียญที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีเพียงชิ้นเดียวในโลก และไม่สามารถแบ่งย่อยได้ ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการแสดงความเป็นเจ้าของของ ผ่านชองสะสมทางดิจิทัล รวมไปถึงงานศิลปะที่ถูกนำมาซื้อขายทางดิจิทัลผ่าน NFT ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงในปีที่ผ่านมา และหลายคนยังเชื่อว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ NFT ที่จะเริ่มเข้ามาแทนที่สิ่งของทุกๆ อย่างจากโลกแห่งความจริงไปสู่โลกออนไลน์
จากการแสดงเรื่องความเป็นเจ้าของงานศิลปะหรือของสะสมต่างๆ NFT ยังสามารถนำไปใช้ได้อีกหลายมุมมอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการต่อยอด NFT สู่ระบบการกู้ยืม การเช่าใช้ หรือการนำไปใช้ประโยชน์ทางด้านการตลาด ที่เราเริ่มได้เห็นสินค้าดังๆ หลายแบรนด์ที่เข้ามาสู่โลกของ NFT และใช้ NFT เพื่อเชื่อมเข้าหาคนรุ่นใหม่และต่อยอดสู่ยอดขายที่มากขึ้น
ประโยชน์ของ NFT ยังสามารถนำไปถึงเพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ครอบครองได้อีกเช่น การให้สิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือ เป็น NFT ที่มีสิทธิบางอย่างติดตัวมาด้วย คล้ายกับ Exclusive Member รูปแบบใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างสูง ยกตัวอย่างเช่น Bored Ape Yacht Club ที่ได้กลายเป็น Brand ที่โด่งดังและมีมูลค่าสูงระดับโลกในเวลาเพียงครึ่งปี หรือ Brand ใหญ่อย่าง Starbuck ที่ได้นำ NFT มาใช้ในระบบ Loyalty ของตัวเอง
ปี 2023 จึงเป็นโฉมหน้าใหม่ของ NFT เป็น NFT Utility ที่หลากหลาย Brand ทั่วโลกจะเริ่มเข้ามาใช้อย่างเป็นรูปธรรม และจะเป็นตัวเชื่อมให้คนในโลกได้เข้ามารู้จักกับโลกของบล็อกเชน เป็นปีที่เราจะเห็นการตลาดรูปแบบใหม่ที่ใช้ชุมชนเป็นตัวขับเคลื่อน และก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ และการใช้งานรูปแบบใหม่ๆ ที่ต่อยอดได้ไม่มีสิ้นสุด
4. Blockchain Gaming
ด้วยตลาดเกมส์ที่มีผู้เล่นทั่วโลกกว่า 2,500 ล้านคน บล็อกเชนเกมส์ยังคงเป็นความหวังสำคัญที่จะทำให้การใช้งานของบล็อกเชนเข้าสู่คำว่า Mass Adoption เนื่องด้วยธรรมชาติของเกมส์ที่คุ้นเคยกับการใช้งานของเงินดิจิทัลแบบคริปโทเคอร์เรนซี และไอเท็มในเกมส์แบบ NFT อยู่แล้ว ถ้ามีเกมส์ที่สนุกและน่าสนใจเข้ามา Gamer ทั้งหลายก็พร้อมที่จะเข้าแข่งขันแน่นอน
ที่สำคัญเงินลงทุนจากโลกบล็อกเชนได้เข้าสู่อุตสาหกรรมเกมส์อย่างมากมายในสองถึงสามปีที่ผ่านมา ทำให้เราจะเริ่มเห็นเกมส์ระดับคุณภาพเกรด A เข้าสู่บล็อกเชนเกมส์มากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการพัฒนาโลก Immersive และ Metaverse ใหญ่ๆ ที่ได้เบนเข็มเข้าสู่โลกแห่งเกมส์อย่างเต็มตัว เมื่อ Platform พร้อม บล็อกเชนเกมส์จะเป็นขุนพลสำคัญที่จะนำพาตลาดกระทิงกลับมาสู่โลกของคริปโทเคอร์เรนซี
5. Web3 Social Media และ SocialFi
จากคุณสมบัติพิเศษชองบล็อกเชนที่ทำให้เกิดแนวคิดที่จะทำ Web3 Social Media ที่ผู้ใช้งานสามารถเป็นเจ้าของ Content ต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง ต่างจาก Social Media ในปัจจุบันที่แม้ผู้ใช้งานจะสามารถทำกิจกรรมหลายๆ อย่างได้ แต่ข้อมูลเหล่านั้นก็จะถูกนำไปใช้เชิงพาณิชย์และที่สำคัญสามารถถูกควบคุมโดยผู้ประกอบการได้ ต่างจาก Web3 ที่ Content จะสามารถดูแลโดยเจ้าของเท่านั้น
อีกหนึ่งความสามารถของ Web3 คือการเชื่อมต่อกับ Cryptocurrency และ NFT ได้อย่างไร้รอยต่อซึ่งจะก่อให้เกิดรูปแบบใหม่ของ Social Media ที่เรียกว่า SocialFi ซึ่งจะสามารถทำให้การทำงานของ Brand Influencer และการเข้าถึง Content ต่างๆเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างน่าสนใจแน่นอน
ซึ่งผู้ที่จุดประกายความเป็นไปได้ของ Concept ของ Web3 Social Media และ SocialFi ก็คือ นาย Elon Musk ที่ได้เข้าซื้อ Twitter และได้ประกาศนโยบายที่จะทำให้เป็น Social Media ที่ไร้การควบคุม ไม่มีการ Censor รวมถึงมีความเป็นไปได้ในการเชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่จะทำให้เกิด SocialFi ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
จากที่กล่าวถึงทั้ง 5 แนวโน้มสำหรับปีกระต่ายปีนี้ รูปแบบการใช้งานกับระบบบล็อกเชนจะเริ่มมีมากขึ้นในหลายรูปแบบ จากโครงการน้อยใหญ่ที่เริ่มขยับเข้าสู่เทคโนโลยีตัวนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรใหญ่ๆ ทั่วโลกที่มีลูกค้าจำนวนมากอยู่ในมือ ส่วนของฝั่งผู้คุ้มกฏหรือ Regulators ทั้งหลายก็ได้พัฒนาขึ้นเช่นกัน คำว่า Mass Adoption น่าจะเกิดขึ้นจริงในเวลาไม่ไกลจากนี้เพื่อนำทุกคนเข้าสู่โลก Web3 หรือ Internet ยุคถัดไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น การศึกษาและเตรียมความพร้อมเพื่อปรับตัว มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกๆ ธุรกิจและบุคคลทุกๆ คน มาเริ่มศึกษาด้วยกันนะครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ
Ref:
https://medium.com/humansdotai/top-blockchain-trends-for-2023-5281ae9dae00
https://metav.rs/blog/web3-trends-2023/
https://www.forbes.com/sites/bernardmarr/2022/10/18/the-top-five-web3-trends-in-2023/?sh=45602f97b3f2
https://fullscale.io/blog/blockchain-trends-2023/
https://forkast.news/biggest-blockchain-trends-for-2023-and-beyond/
https://www.bbntimes.com/technology/9-trends-that-will-dominate-blockchain-technology-in-2023
https://decrypt.co/117392/crypto-crystal-ball-biggest-trends-to-watch-in-2023
https://bloock.com/biggest-blockchain-trends-2023/
https://www.lxahub.com/stories/web3-stats-and-trends
https://medium.com/humansdotai/top-blockchain-trends-for-2023-5281ae9dae00
กราฟิก: ณัฐชนน พูนชัย (Boom)